คือการฉีดฟิลเลอร์ (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารโมเลกุลขนาดเล็กที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เอง เข้าไปบริเวณลำคอ เพื่อเติมเต็มผิวบริเวณลำคอให้เรียบเนียน ชุ่มชื้น อวบอิ่ม ยกกระชับผิวให้เต่งตึง ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ แก้ไขปัญหาลำคอที่มีลักษณะเป็นชั้น เป็นปล้อง มีรอยขีดเป็นเส้นแนวยาว หรือมีลักษณะเหี่ยวเป็นรอยพับ เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ทำให้ลำคอสวย เป็นระหง แลดูอ่อนเยาว์ ไร้ริ้วรอย เสริมความมั่นใจ
สาเหตุการเกิดรอยพับหรือเส้นตามแนวยาว บริเวณคอ
- เกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
- เกิดจากภาวะน้ำหนักเกินมาตรฐานหรือภาวะอ้วน ซึ่งภาวะเหล่านี้มักทำให้มีไขมันส่วนเกินสะสมอยู่บริเวณลำคอในปริมาณมาก ส่งผลให้คอเกิดเป็นชั้น เป็นปล้องขึ้น
- เกิดจากการละเลยการทาครีมกันแดดเป็นประจำสม่ำเสมอ
- เกิดจากการทำพฤติกรรมบางอย่างเป็นประจำ เช่น พฤติกรรมการนอนหมอนสูงเกินไป ทำให้ในขณะนอนหลับ คอด้านหน้าพับลงเป็นเวลานาน ส่งผลให้คอเกิดรอยพับ หรือ พฤติกรรมการนั่งหลังค่อม การยืนคอตก และการก้มหน้ามองโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน เป็นต้น
- เกิดจากการมีอายุเพิ่มมากขึ้น ทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนลดลง ส่งผลให้ผิวหนังหย่อนคล้อย เกิดการเหี่ยวย่นหรือรอยพับเป็นชั้นๆ บริเวณลำคอ
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คอ
– ทำให้แลดูอ่อนเยาว์ สดใส เป็นธรรมชาติ
– ทำให้ผิวเต่งตึง กระชับ ไร้ริ้วรอย
– ทำให้บุคลิกภาพดีขึ้น เสริมสร้างความมั่นใจ
– ทำให้ผิวชุ่มชื้น เรียบเนียนสวยงาม
การฉีดฟิลเลอร์คอเหมาะกับ
- บุคคลที่มีปัญหาคอเป็นชั้น เป็นปล้อง
- บุคคลที่มีปัญหาคอมีรอยขีดเป็นเส้นแนวยาว หรือรอยพับเป็นชั้น ๆ บริเวณลำคอ
- บุคคลที่เมื่ออายุมากขึ้น พบปัญหาผิวบริเวณลำคอเหี่ยว หย่อนคล้อย ผิวขาดความชุ่มชื้น
- บุคคลที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึกบริเวณลำคอ
การฉีดฟิลเลอร์คอที่ชินวีย์ คลินิก
เนื่องจากบริเวณลำคอจะมีเส้นเลือดที่สำคัญเป็นจำนวนมากและเป็นตำแหน่งที่ Advance การฉีดฟิลเลอร์คอจึงต้องใช้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ โดยแพทย์ผู้ทำหัตถการ ที่ชินวีย์ คลินิก มีประสบการณ์ในด้านการฉีดฟิลเลอร์ มีความชำนาญเรื่องเส้นเลือดและกายวิภาค (Anatomy) เป็นอย่างดี สามารถอธิบายข้อมูลให้กับคนไข้ได้อย่างละเอียด ฉีดในตำแหน่งชั้นผิวและเทคนิคที่ถูกต้อง โดยการฉีดฟิลเลอร์คอ แพทย์จะใช้เข็มปลายทู่ (Blunt Cannula) ในการฉีดเพื่อป้องกันฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด และใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน สวยงามเป็นธรรมชาติ ผิวเรียบเนียน
อีกทั้งคลินิกที่ทำหัตถการยังได้มาตรฐาน สะอาด ได้รับอนุญาต มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณะสุข มีความน่าเชื่อถือ นัดติดตามผลหลังทำทุกเคส ฟิลเลอร์ที่ใช้ทำหัตถการเป็นฟิลเลอร์แท้ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ผ่านการรับรองคุณภาพและมาตรฐานจาก อย.ประเทศไทย มีความคงตัว มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เติมเต็มช่องว่างระหว่างเซลล์ผิวหนัง เพิ่มและปรับขนาดโครงสร้างใต้ชั้นผิวหนัง ปลอดภัย 100% สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง ไม่เป็นอันตราย
การฉีดฟิลเลอร์คอ เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่บวม ไม่ช้ำ ไม่เกิดรอยแผลเป็น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เห็นผลการเปลี่ยนแปลงหลังฉีดทันที หลังฉีดผลลัพธ์อยู่ได้ 1-2 ปี (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้ การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์)
ยี่ห้อ ราคา และปริมาณฟิลเลอร์ ที่เหมาะสมสำหรับการฉีดฟิลเลอร์คอ
การฉีดฟิลเลอร์คอ จะต้องใช้ฟิลเลอร์ชนิดเนื้อเนียน ละเอียด คงตัว เพื่อให้ฟิลเลอร์กระจายตัวและเรียบเนียนไปกับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยทั่วไปจะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 3-4 cc ขึ้นอยู่กับปัญหาในคนไข้แต่ละบุคคล
นิยมใช้ ฟิลเลอร์
แบรนด์ Juvederm รุ่น Volite
ราคา 12,900 บาท / 1 CC
แบรนด์ Restylane รุ่น Vital Light
ราคา 11,900 บาท / 1 CC
แบรนด์ Neuramis Deep
ราคา 6,900 บาท / 1 CC
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์คอ
ขั้นตอนที่ 1 แพทย์จะทำการประเมินปัญหาผิว สอบถามประวัติคนไข้เพิ่มเติม เช่น ประวัติการฉีดฟิลเลอร์คอ โรคประจำตัว ยาที่ใช้ประจำ และการแพ้ยา เป็นต้น หลังจากนั้นแพทย์จะทำการออกแบบและวางแผน เพื่อแนะนำยี่ห้อ รุ่นและปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับบริเวณที่ทำการรักษา
ขั้นตอนที่ 2 เจ้าหน้าที่จะทำการถ่ายภาพบริเวณที่จะทำการรักษา เพื่อวัดผลการเปลี่ยนแปลงก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์
ขั้นตอนที่ 3 แพทย์จะทำการตรวจสอบฟิลเลอร์ เพื่อให้คนไข้มั่นใจว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้ โดยแสดงหลักฐานให้กับคนไข้ ดังนี้
– เลขทะเบียนอย.
– ป้ายภาษาไทยที่ข้างกล่อง
– เอกสารกำกับภาษาไทยที่อยู่ภายในกล่อง
– สติกเกอร์ โฮโลแกรม Galderma (สำหรับแบรนด์ Restylane เท่านั้น)
– เลข Lot ของฟิลเลอร์
โดยเลข Lot ต้องตรงกัน 4 จุดสำหรับแบรนด์ Juvederm คือ เลข Lot ที่กล่อง, เลข Lot ที่ซอง, เลข Lot ที่สติกเกอร์ และ เลข Lot ที่หลอด
โดยเลข Lot ต้องตรงกัน 2 จุดสำหรับแบรนด์ Restylane คือ เลข lot. ที่ข้างกล่อง และเลข lot. ที่หลอด
– แสดงเบอร์บริษัทยาเพื่อให้คนไข้สามารถโทรเช็คเกี่ยวกับการซื้อยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคลินิก
สำหรับแบรนด์ Juvederm คือ Allergan Thailand (DKSH) โทร. 02-6404999 ต่อ 1
สำหรับแบรนด์ Restylane คือ Galderma โทร. 02-0231800 ต่อ 402
ขั้นตอนที่ 4 เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดบริเวณที่ทำหัตถการด้วย Micellar Cleaning Water และ น้ำยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ขั้นตอนที่ 5 เจ้าหน้าที่จะทำการทายาชาเพื่อระงับความรู้สึกในบริเวณที่ทำการรักษาทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
ขั้นตอนที่ 6 แพทย์ทำการฉีดฟิลเลอร์ โดยใช้เวลาทำหัตถการประมาณ 45-60 นาที
ขั้นตอนที่ 7 แพทย์จะให้คำแนะนำวิธีการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์คอ
การเตรียมตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์คอ
- งดดื่มแอลกอฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การซาวน่า, การอบไอน้ำ หรือ การออกกำลังกายหนัก (วิ่ง, ต่อยมวย, เต้นแอโรบิค) 24 ชั่วโมงก่อนทำหัตถการ เพราะจะทำให้ร่ายกายมีการสูบฉีดเลือดมากกว่าปกติ ส่งผลให้มีอาการปวด หรือบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ได้
- งดการรับประทานยากลุ่มแอสไพรินและกลุ่มNSAIDs เช่น Ibruprofen, Diclofenac หรือ Ponstan 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เพราะยากลุ่มนี้จะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดไหลหยุดยาก ขณะฉีดฟิลเลอร์
- งดการรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิด เช่น St. Johns Wort, Ginko Biloba, Primrose Oil, Garlic, Vitamin E, น้ำมันปลา หรือ Ginseng 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เพราะวิตามินหรืออาหารเสริมกลุ่มนี้จะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดไหลหยุดยาก ขณะฉีดฟิลเลอร์
- งดทายา ทาครีมชนิดผลัดเซลล์ผิว หรือสครับผิว ในบริเวณที่ทำหัตถการ เช่น Tretinoin (Retin-A), Retinols, Retinoids หรือGlycolic Acid 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เนื่องจากจะเป็นการรบกวนผิวบริเวณลำคอ ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
- งดการเลเซอร์ในบริเวณที่ทำหัตถการ 3 วันก่อนทำหัตถการ
- หลีกเลี่ยงการสวมผ้าพันคอ 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เนื่องจากจะเป็นการรบกวนผิวบริเวณลำคอ ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
การดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์คอ
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หลังทำหัตถการ 2 วัน เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดเสียรูปทรงและเกิดอาการแดงบริเวณที่ฉีดได้
- หลีกเลี่ยงการจับ การแกะ การเกา การคลึงหรือการนวดในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 7 วัน เพราะอาจทำให้เกิดการเคลื่อนตำแหน่งของตัวยาได้
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ หลังทำหัตถการ 3 วัน เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดเกิดอาการบวมหรืออักเสบได้
- แนะนำดื่มน้ำเปล่า ภายหลังทำหัตถการใน 24 ชั่วโมงแรก โดยปริมาณที่แนะนำคือ 1.5-2 ลิตร/วัน หรือประมาณ 8-10 แก้ว/วัน เนื่องจากสาร HA มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เมื่อดื่มน้ำ โมเลกุลของน้ำจะไปจับกับโมเลกุลของสาร HA ทำให้ฟิลเลอร์ฟูสวย เป็นธรรมชาติและคงสภาพอยู่ได้นานขึ้น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน เช่น ไดร์เป่าผม เตาปิ้งย่าง เป็น การโดนแสงแดดจัด การสัมผัสน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 2 วัน เพราะอาจทำให้เกิดอาการแดงบริเวณที่ฉีดได้
- หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ การซาวน่า การทำเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึก และการทำ RF หรือ Ionto ในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 14 วัน
- หลีกเลี่ยงการทาแป้ง ทารองพื้น ทาครีมบำรุงในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 12 ชั่วโมง
- หลังฉีดฟิลเลอร์คอ ในบางรายอาจมีอาการปวด บวม แดง หรือจับแล้วรู้สึกเจ็บในบริเวณที่ฉีด อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติ โดยจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 2-5 วัน คนไข้สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการทานยาแก้ปวดหรือประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนใหญ่อาการเหล่านี้มักพบในบุคคลที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด, Aspirin, Alcohol, วิตามิน E หรือ อาหารเสริมบางชนิด เช่น Fish Oil หรือ Primrose เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงการรับประทานยา วิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิด ที่กระตุ้นการไหลเวียนเลือด เช่น ยากลุ่มแอสไพริน, Vitamin E, ใบแป๊ะก๊วย และน้ำมันปลา เป็นต้น หลังทำหัตถการ 14 วัน เนื่องจากอาจส่งผลให้เลือดไหลหยุดช้าหรือช้ำง่ายกว่าปกติ
- หลีกเลี่ยงการทาครีมที่มีส่วนผสมของ BHA, AHA (กรดผลไม้) และ Retinoid ในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 14 วัน
- 11. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหมักดอง อาหารรสจัด และอาหารดิบ หลังทำหัตถการ 7 วัน เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดเกิดอาการบวม แดงหรืออักเสบได้
ข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์คอ
- หลีกเลี่ยงในหญิงตั้งครรภ์ หรือหญิงที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
- หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีปัญหาเลือดไหลหยุดยาก หรือ บุคคลที่ต้องทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีประวัติแพ้ยาชา
- หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีภาวะอักเสบติดเชื้อผิวหนังบริเวณที่จะทำหัตถการ
สำหรับคนไข้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์คอที่ Chinnawee Clinic สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษาแพทย์ ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ชินวีย์ คลินิก ยินดีให้บริการ