ฟิลเลอร์จมูก (Nose Fillers)

 

คือการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณจมูก เพื่อเสริมแต่ง แก้ไข หรือปรับรูปทรงจมูก ดั้งจมูก สันจมูก และปลายจมูก ที่ไม่ได้สัดส่วน ให้รูปทรงสวย ได้สัดส่วน ได้รูปมากยิ่งขึ้น ดูมีมิติ จมูกโด่งเป็นธรรมชาติ สวยงามตามลักษณะโหงวเฮ้งที่ดี อีกทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหาจมูกเบี้ยว หรือปรับรูปทรงจมูกให้เป็นทรงหยดน้ำได้อีกด้วย

 

 

 

การฉีดฟิลเลอร์จมูกเหมาะกับ

 

 

  • บุคคลที่มีฐานจมูกเดิมอยู่บ้างแล้วและต้องการตกแต่งทรงจมูกเพียงเล็กน้อย
  • บุคคลที่ไม่ต้องการผ่าตัด ศัลยกรรมจมูก
  • บุคคลที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้ง
  • บุคคลที่ต้องการแก้ไขรูปทรงจมูกเรียบแบน
  • บุคคลที่ต้องการปรับรูปดั้งจมูก ปลายจมูกและสันจมูกให้สูงขึ้น คมขึ้น
  • บุคคลที่ต้องการแก้ไขจมูกเบี้ยวผิดรูป ไม่สมส่วนจากการทำศัลยกรรมจมูก ทำให้จมูกได้สัดส่วน เข้ารูปมากขึ้น

 

 

 

การฉีดฟิลเลอร์จมูก ที่ชินวีย์ คลินิก

 

 

 

 

แพทย์ผู้ทำหัตถการ ที่ชินวีย์ คลินิก มีประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้า มีความชำนาญเรื่องเส้นเลือดบริเวณสันจมูกที่สำคัญ เช่น Dorsal Nasal Artery และสรีระบนใบหน้าเป็นอย่างดี สามารถอธิบายข้อมูลให้กับคนไข้ได้อย่างละเอียด ฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และเป็นธรรมชาติ

 

อีกทั้งคลินิกที่ทำหัตถการยังได้มาตรฐาน สะอาด ได้รับอนุญาต มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณะสุข มีความน่าเชื่อถือ นัดติดตามผลหลังทำทุกเคส ฟิลเลอร์ที่ใช้ทำหัตถการเป็นฟิลเลอร์แท้ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ผ่านการรับรองคุณภาพและมาตรฐานจาก อย.ประเทศไทย มีความคงตัว มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เพิ่มและปรับขนาดโครงสร้างใต้ชั้นผิวหนัง ปลอดภัย 100% สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง ไม่เป็นอันตราย

 

การฉีดฟิลเลอร์จมูก เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่บวม ไม่ช้ำ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่มีแผล เห็นผลการเปลี่ยนแปลงหลังฉีดทันที หลังฉีดผลลัพธ์อยู่ได้ 1 ปี (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้ การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์)

 

 

 

ยี่ห้อ ราคา และปริมาณฟิลเลอร์ ที่เหมาะสมสำหรับการฉีดฟิลเลอร์จมูก

 

 

การฉีดฟิลเลอร์จมูก จะต้องใช้ฟิลเลอร์ที่มีความคงตัวสูง คงรูปได้ดี โดยทั่วไปจะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-2 cc ขึ้นอยู่กับรูปทรงจมูก เนื้อจมูกของคนไข้แต่ละบุคคลและรูปทรงจมูกที่ต้องการ

 

นิยมใช้ ฟิลเลอร์

 

แบรนด์ Juvederm รุ่น Voluma

ราคา 13,900 บาท / 1 CC

 

แบรนด์ Restylane รุ่น Perlane Lyft

ราคา 13,900 บาท / 1 CC

 

 

 

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์จมูก

 

 

ขั้นตอนที่ 1 แพทย์จะทำการประเมินลักษณะของใบหน้า ปัญหาผิว คำนวนสัดส่วนจมูกให้เหมาะสมกับจุดอื่นๆบนใบหน้า สอบถามประวัติคนไข้เพิ่มเติม เช่น รูปทรงจมูกที่คนไข้ต้องการ ประวัติการฉีดฟิลเลอร์จมูก ประวัติการทำศัลยกรรมจมูก โรคประจำตัว ยาที่ใช้ประจำ และการแพ้ยา เป็นต้น หลังจากนั้นแพทย์จะทำการออกแบบและวางแผน เพื่อแนะนำยี่ห้อ   รุ่นและปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับบริเวณที่ทำการรักษา

 

ขั้นตอนที่ 2 เจ้าหน้าที่จะทำการถ่ายภาพบริเวณที่จะทำการรักษา เพื่อวัดผลการเปลี่ยนแปลงก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์

 

ขั้นตอนที่ 3 แพทย์จะทำการตรวจสอบฟิลเลอร์ เพื่อให้คนไข้มั่นใจว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้ โดยแสดงหลักฐานให้กับคนไข้ ดังนี้

 

– เลขทะเบียนอย.

– ป้ายภาษาไทยที่ข้างกล่อง

– เอกสารกำกับภาษาไทยที่อยู่ภายในกล่อง

– สติกเกอร์ โฮโลแกรม Galderma (สำหรับแบรนด์ Restylane เท่านั้น)

– เลข Lot ของฟิลเลอร์

โดยเลข Lot ต้องตรงกัน 4 จุดสำหรับแบรนด์ Juvederm คือ เลข Lot ที่กล่อง, เลข Lot ที่ซอง, เลข Lot ที่สติกเกอร์ และ เลข Lot ที่หลอด

โดยเลข Lot ต้องตรงกัน 2 จุดสำหรับแบรนด์ Restylane คือ เลข lot. ที่ข้างกล่อง และเลข lot. ที่หลอด

– แสดงเบอร์บริษัทยาเพื่อให้คนไข้สามารถโทรเช็คเกี่ยวกับการซื้อยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคลินิก

สำหรับแบรนด์ Juvederm คือ Allergan Thailand (DKSH) โทร. 02-6404999 ต่อ 1

สำหรับแบรนด์ Restylane คือ Galderma โทร. 02-0231800 ต่อ 402

 

ขั้นตอนที่ 4 เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดบริเวณที่ทำหัตถการด้วย Micellar Cleaning Water และ น้ำยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

 

ขั้นตอนที่ 5 แพทย์จะทำการฉีดยาชา เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นขณะฉีดฟิลเลอร์จมูก

 

ขั้นตอนที่ 6 แพทย์ทำการฉีดฟิลเลอร์ โดยใช้เวลาทำหัตถการประมาณ 10-30 นาที

 

ขั้นตอนที่ 7 แพทย์จะให้คำแนะนำวิธีการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์จมูก

 

 

 

การเตรียมตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์จมูก

 

 

  1. งดดื่มแอลกอฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การซาวน่า, อบไอน้ำ หรือ การออกกำลังกายหนัก (วิ่ง, ต่อยมวย, เต้นแอโรบิค) 24 ชั่วโมงก่อนทำหัตถการ
  2. งดการรับประทานยากลุ่มแอสไพรินและกลุ่มNSAIDs เช่น Ibruprofen, Diclofenac หรือ Ponstan 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เพราะยากลุ่มนี้จะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดไหลหยุดยาก ขณะฉีดฟิลเลอร์
  3. งดการรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิด เช่น St. Johns Wort, Ginko Biloba, Primrose Oil, Garlic, Vitamin E, น้ำมันปลา หรือ Ginseng 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เพราะวิตามินหรืออาหารเสริมกลุ่มนี้จะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดไหลหยุดยาก ขณะฉีดฟิลเลอร์
  4. งดทายาหรือทาครีมชนิดผลัดเซลล์ผิวในบริเวณที่ทำหัตถการ เช่น Tretinoin (Retin-A), Retinols, Retinoids หรือGlycolic Acid 3 วันก่อนทำหัตถการ
  5. งดการ Wax หรือการลอกสิวเสี้ยนในบริเวณที่ทำหัตถการ 3 วันก่อนทำหัตถการ
  6. งดการเลเซอร์ในบริเวณที่ทำหัตถการ 3 วันก่อนทำหัตถการ

 

 

 

การดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์จมูก

 

 

  1. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หลังทำหัตถการ 48 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เสียรูปทรงได้และเกิดอาการแดงบริเวณที่ฉีดได้
  2. หลีกเลี่ยงการจับ การแกะ การเกา การคลึงหรือการนวดในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 7 วัน เพราะอาจทำให้เกิดการเคลื่อนตำแหน่งของตัวยาได้
  3. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ หลังทำหัตถการ 5 วัน เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดเกิดอาการบวมหรืออักเสบได้
  4. แนะนำดื่มน้ำเปล่า ภายหลังทำหัตถการใน 24 ชั่วโมงแรก โดยปริมาณที่แนะนำคือ 1.5-2 ลิตร/วัน หรือประมาณ 8-10 แก้ว/วัน เนื่องจากสาร HA มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เมื่อดื่มน้ำ โมเลกุลของน้ำจะไปจับกับโมเลกุลของสาร HA ทำให้ฟิลเลอร์ฟูสวย เป็นธรรมชาติและคงสภาพอยู่ได้นานขึ้น
  5. หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน เช่น ไดร์เป่าผม เตาปิ้งย่าง เป็นต้น การโดนแสงแดดจัด การสัมผัสน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 14 วัน เพราะอาจทำให้เกิดอาการแดงบริเวณที่ฉีดได้
  6. หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ การซาวน่า การทำเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึก และการทำ RF หรือ Iontoในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 14 วัน
  7. หลีกเลี่ยงการทาแป้ง ทารองพื้น หรือแต่งหน้าในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 12 ชั่วโมง
  8. หลังฉีดฟิลเลอร์จมูก ในบางรายอาจมีอาการปวด บวม แดง หรือจับแล้วรู้สึกเจ็บในบริเวณที่ฉีด อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติ โดยจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 3-5 วัน คนไข้สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการทานยาแก้ปวดหรือประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนใหญ่อาการเหล่านี้มักพบในบุคคลที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด, Aspirin, Alcohol, วิตามิน E หรือ อาหารเสริมบางชนิด เช่น Fish Oil หรือ Primrose Oil เป็นต้น
  9. หลีกเลี่ยงการรับประทานยา วิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิด ที่กระตุ้นการไหลเวียนเลือด เช่น ยากลุ่มแอสไพริน, Vitamin E, ใบแป๊ะก๊วย และน้ำมันปลา เป็นต้น หลังทำหัตถการ 14 วัน เนื่องจากอาจส่งผลให้เลือดไหลหยุดช้าหรือช้ำง่ายกว่าปกติ
  10. หลีกเลี่ยงการทาครีมที่มีส่วนผสมของ BHA, AHA (กรดผลไม้) และ Retinoidในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 14 วัน
  11. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหมักดอง อาหารรสจัด และอาหารดิบ หลังทำหัตถการ 7 วัน เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดเกิดอาการบวม แดงหรืออักเสบได้

 

 

 

ข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์จมูก

 

 

  1. หลีกเลี่ยงในหญิงตั้งครรภ์ หรือหญิงที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
  2. หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีปัญหาเลือดไหลหยุดยาก หรือ บุคคลที่ต้องทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดเป็นประจำ
  3. หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีประวัติแพ้ยาชา
  4. หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีภาวะอักเสบติดเชื้อผิวหนังบริเวณที่จะทำหัตถการ

 

 

 

สำหรับคนไข้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์จมูกที่ Chinnawee Clinic สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษาแพทย์ ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

 

ชินวีย์ คลินิก ยินดีให้บริการ

 

Share:

More Posts