การฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถเติมเต็มร่องปาก ยกมุมปากขึ้น ทำรูปทรงปากกระจับ ปรับริมฝีปากที่บางให้ดูอวบอิ่ม มีน้ำมีนวล ชุ่มชื้น ดูสุขภาพดี ทำให้ปากดูเซ็กซี่ ขอบปากชัด ปรับรูปปากให้ได้สัดส่วนรับกับใบหน้า ทรงสวย เป็นธรรมชาติ ทาลิปสติกดูสวยขึ้น ปากมีมิติ อีกทั้งยังช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ยิ้มสวย มีเสน่ห์ สร้างความมั่นใจ แลดูอ่อนกว่าวัย และเสริมโหงวเฮ้งได้อีกด้วย
ลักษณะของโหงวเฮ้งปากที่ดี คือ ริมฝีปากที่อวบอิ่ม มีขอบปากชัด ไม่มีริ้วรอย โดยตามหลักสัดส่วนความงามทางธรรมชาติของรูปปาก (Golden Ratio) ความหนาของริมฝีปากบน ต่อ ริมฝีปากล่าง เป็น 1:1.6 หรือ 1:1.8 ริมฝีปากบนและล่างต้องปิดสนิท มุมปากทั้งสองข้างตรงกันหรือช้อนขึ้นเล็กน้อย รูปทรงปากเข้ากับขนาดของใบหน้า มีความชุ่มชื้น
การมีโหงวเฮ้งปากที่ดี จะช่วยส่งเสริมด้านวาสนา หน้าที่การงาน การค้าขาย อีกทั้งยังส่งเสริมด้านคู่ครอง ทำให้ได้คู่ครองที่ดี คอยให้ความช่วยเหลือ
การฉีดฟิลเลอร์ปากช่วยแก้ปัญหา
- ฟิลเลอร์ปาก แก้ปัญหาปากคว่ำ มุมปากตก ทำให้ใบหน้าดูไม่เป็นมิตร หน้าบึ้ง ดูมีความทุกข์
- ฟิลเลอร์ปาก แก้ปัญหาปากเบี้ยว ปากไม่เท่ากัน ไม่สมดุล ปรับริมฝีปากบนและล่างให้ได้สัดส่วน สมดุล เข้ารูป
- ฟิลเลอร์ปาก แก้ปัญหาปากบาง ให้ปากอวบอิ่ม หนาขึ้น
- ฟิลเลอร์ปาก แก้ปัญหาปากแห้ง ให้ชุ่มชื้น ไม่เป็นร่อง
- ฟิลเลอร์ปาก แก้ปัญหาริ้วรอยบริเวณริมฝีปาก
การฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่ชินวีย์ คลินิก
แพทย์ผู้ทำหัตถการ ที่ชินวีย์ คลินิก มีประสบการณ์ มีความชำนาญเรื่องเส้นเลือด กายวิภาค (Anatomy) และสรีระบนใบหน้าเป็นอย่างดี สามารถอธิบายข้อมูลให้กับคนไข้ได้อย่างละเอียด ฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และเป็นธรรมชาติ
อีกทั้งคลินิกที่ทำหัตถการยังได้มาตรฐาน สะอาด มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณะสุข มีความน่าเชื่อถือ นัดติดตามผลหลังทำทุกเคส ฟิลเลอร์ที่ใช้ทำหัตถการเป็นฟิลเลอร์แท้ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ผ่านการรับรองคุณภาพและมาตรฐานจาก อย.ประเทศไทย มีความคงตัว มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เพิ่มและปรับขนาดโครงสร้างใต้ชั้นผิวหนัง ปลอดภัย 100% สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง ไม่เป็นอันตราย
การฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่มีแผล เห็นผลการเปลี่ยนแปลงหลังฉีดทันที สามารถปรับเปลี่ยนรูปปากได้ตามเทรน หลังฉีดผลลัพธ์อยู่ได้ 6-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้ การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากปากเป็นจุดที่ขยับบ่อย และโดนความร้อนได้ง่าย เช่น การทานอาหารร้อนๆ จึงทำให้ฟิลเลอร์ มีโอกาสสลายเร็วกว่าบริเวณอื่น)
ยี่ห้อ ราคา และปริมาณฟิลเลอร์ ที่เหมาะสมสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ปาก
การฉีดฟิลเลอร์ปาก ต้องใช้ฟิลเลอร์เนื้ออ่อนที่ทนต่อการขยับได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง เพื่อคงความเรียบเนียนเป็นธรรมชาติเพราะปากเป็นจุดที่ขยับบ่อย โดยทั่วไปจะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-3 cc ขึ้นอยู่กับรูปปากของคนไข้แต่ละบุคคลและรูปทรงปากที่ต้องการ
นิยมใช้ ฟิลเลอร์
แบรนด์ Juvederm รุ่น Volite ,Volift ,Ultra Plus ,Voluma
ราคา 12,900 บาท / 1 CC
แบรนด์ Restylane รุ่น Volyme ,Vital light
ราคา 11,900 บาท / 1 CC
แบรนด์ Restylane รุ่น Kysse
ราคา 14,900 บาท / 1 CC
แบรนด์ Neuramis Deep
ราคา 6,900 บาท / 1 CC
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก
ขั้นตอนที่ 1 แพทย์จะทำการประเมินลักษณะของใบหน้า ปัญหาผิว คำนวนสัดส่วนของฟิลเลอร์ปากให้เหมาะสมกับจุดอื่นๆบนใบหน้า สอบถามประวัติคนไข้เพิ่มเติม เช่น รูปทรงปากที่คนไข้ต้องการ ประวัติการฉีดฟิลเลอร์ปาก ประวัติการทำศัลยกรรมปาก โรคประจำตัว ยาที่ใช้ประจำ และการแพ้ยา เป็นต้น หลังจากนั้นแพทย์จะทำการออกแบบและวางแผน เพื่อแนะนำยี่ห้อ รุ่นและปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับบริเวณที่ทำการรักษา
ขั้นตอนที่ 2 เจ้าหน้าที่จะทำการถ่ายภาพบริเวณที่จะทำการรักษา เพื่อวัดผลการเปลี่ยนแปลงก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์
ขั้นตอนที่ 3 แพทย์จะทำการตรวจสอบฟิลเลอร์ เพื่อให้คนไข้มั่นใจว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้ โดยแสดงหลักฐานให้กับคนไข้ ดังนี้
– เลขทะเบียนอย.
– ป้ายภาษาไทยที่ข้างกล่อง
– เอกสารกำกับภาษาไทยที่อยู่ภายในกล่อง
– สติกเกอร์ โฮโลแกรม Galderma (สำหรับแบรนด์ Restylane เท่านั้น)
– เลข Lot ของฟิลเลอร์
โดยเลข Lot ต้องตรงกัน 4 จุดสำหรับแบรนด์ Juvederm คือ เลข Lot ที่กล่อง, เลข Lot ที่ซอง, เลข Lot ที่สติกเกอร์ และ เลข Lot ที่หลอด
โดยเลข Lot ต้องตรงกัน 2 จุดสำหรับแบรนด์ Restylane คือ เลข lot. ที่ข้างกล่อง และเลข lot. ที่หลอด
– แสดงเบอร์บริษัทยาเพื่อให้คนไข้สามารถโทรเช็คเกี่ยวกับการซื้อยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคลินิก
สำหรับแบรนด์ Juvederm คือ Allergan Thailand (DKSH) โทร. 02-6404999 ต่อ 1
สำหรับแบรนด์ Restylane คือ Galderma โทร. 02-0231800 ต่อ 402
ขั้นตอนที่ 4 เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดบริเวณที่ทำหัตถการด้วย Micellar Cleaning Water และ น้ำยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ขั้นตอนที่ 5 เจ้าหน้าที่จะทำการทายาชาเพื่อระงับความรู้สึกในบริเวณที่ทำการรักษาทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
ขั้นตอนที่ 6 แพทย์จะทำการฉีดยาชา หรือใช้อุปกรณ์เย็นในบริเวณที่จะทำหัตถการ เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นขณะฉีดฟิลเลอร์ปาก
ขั้นตอนที่ 7 แพทย์ทำการฉีดและนวดฟิลเลอร์ โดยใช้เวลาทำหัตถการประมาณ 15-30 นาที
ขั้นตอนที่ 8 แพทย์จะให้คำแนะนำวิธีการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
การเตรียมตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- งดดื่มแอลกอฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การซาวน่า, อบไอน้ำ หรือ การออกกำลังกายหนัก (วิ่ง, ต่อยมวย, เต้นแอโรบิค) 24 ชั่วโมงก่อนทำหัตถการ
- งดการรับประทานยากลุ่มแอสไพรินและกลุ่มNSAIDs เช่น Ibruprofen, Diclofenac หรือ Ponstan 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เพราะยากลุ่มนี้จะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดไหลหยุดยาก ขณะฉีดฟิลเลอร์
- งดการรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิด เช่น Ginko Biloba, Primrose Oil, Garlic, Vitamin E, น้ำมันปลา หรือ Ginseng 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เพราะวิตามินหรืออาหารเสริมกลุ่มนี้จะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดไหลหยุดยาก ขณะฉีดฟิลเลอร์
- งดทายาหรือทาครีมชนิดผลัดเซลล์ผิวในบริเวณที่ทำหัตถการ เช่น Tretinoin (Retin-A), Retinols, Retinoids หรือGlycolic Acid 3 วันก่อนทำหัตถการ
- งดการ Wax หรือการโกนขนในบริเวณที่ทำหัตถการ 3 วันก่อนทำหัตถการ
- งดการเลเซอร์ในบริเวณที่ทำหัตถการ 3 วันก่อนทำหัตถการ
การดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หลังทำหัตถการ 48 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้ปากเสียรูปทรงได้และเกิดอาการแดงบริเวณที่ฉีดได้
- หลีกเลี่ยงการจับ การแกะ การเกา การคลึงหรือการนวดในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 7 วัน เพราะอาจทำให้เกิดการเคลื่อนตำแหน่งของตัวยาได้
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ หลังทำหัตถการ 5 วัน เพราะอาจทำให้ปากเกิดอาการบวมหรืออักเสบได้
- แนะนำดื่มน้ำเปล่า ภายหลังทำหัตถการใน 24 ชั่วโมงแรก โดยปริมาณที่แนะนำคือ 1.5-2 ลิตร/วัน หรือประมาณ 8-10 แก้ว/วัน เนื่องจากสาร HA มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เมื่อดื่มน้ำ โมเลกุลของน้ำจะไปจับกับโมเลกุลของสาร HA ทำให้ฟิลเลอร์ฟูสวย เป็นธรรมชาติและคงสภาพอยู่ได้นานขึ้น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน เช่น ไดร์เป่าผม เตาปิ้งย่าง เป็นต้น การโดนแสงแดดจัด การสัมผัสน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 14 วัน เพราะอาจทำให้เกิดอาการแดงบริเวณที่ฉีดได้
- หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ การซาวน่า การทำเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึก และการทำ RF หรือ Iontoในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 14 วัน
- หลีกเลี่ยงการทาลิปสติก หรือทาแป้งในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 12 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการใช้หลอดดูดน้ำ หรือการจูบ หลังทำหัตถการ 12 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการดึงหรือการลอกหนังริมฝีปากบ่อยๆ เพราะอาจทำให้ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์อยู่ได้น้อยลง
- หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ในบางรายอาจมีอาการปวด บวม แดง หรือจับแล้วรู้สึกเจ็บในบริเวณที่ฉีด อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติ โดยจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 3-5 วัน คนไข้สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการทานยาแก้ปวดหรือประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนใหญ่อาการเหล่านี้มักพบในบุคคลที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด, Aspirin, Alcohol, วิตามิน E หรือ อาหารเสริมบางชนิด เช่น Fish Oil หรือ Primrose Oil เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงการรับประทานยา วิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิด ที่กระตุ้นการไหลเวียนเลือด เช่น ยากลุ่มแอสไพริน, Vitamin E, ใบแป๊ะก๊วย และน้ำมันปลา เป็นต้น หลังทำหัตถการ 14 วัน เนื่องจากอาจส่งผลให้เลือดไหลหยุดช้าหรือช้ำง่ายกว่าปกติ
- หลีกเลี่ยงการทาครีมที่มีส่วนผสมของ BHA, AHA (กรดผลไม้) และ Retinoidในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 14 วัน
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหมักดอง อาหารรสจัด และอาหารดิบ หลังทำหัตถการ 7 วัน เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดเกิดอาการบวม แดงหรืออักเสบได้
ข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- หลีกเลี่ยงในหญิงตั้งครรภ์ หรือหญิงที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
- หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีปัญหาเลือดไหลหยุดยาก หรือ บุคคลที่ต้องทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีประวัติแพ้ยาชา
- หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีภาวะอักเสบติดเชื้อผิวหนังบริเวณที่จะทำหัตถการ
สำหรับคนไข้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ปากที่ Chinnawee Clinic สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษาแพทย์ ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ชินวีย์ คลินิก ยินดีให้บริการ