ฟิลเลอร์ร่องแก้ม (Nasolabial Folds Fillers)

 

คือการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปใต้ผิวหนังชั้นลึกบริเวณร่องแก้ม เพื่อเติมเต็มร่องแก้ม แก้ปัญหาใบหน้าดูแก่กว่าวัย ร่องแก้มลึก ดูไม่สดใส มีริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ทำให้ร่องแก้มตื้นขึ้น ได้สัดส่วน ดูมีมิติ เป็นธรรมชาติ มีโหงวเฮ้งที่ดี

 

โดยลักษณะของร่องแก้มคล้อยหรือลึก คือ จะมีลักษณะเป็นเส้นยาวตั้งแต่บริเวณปีกจมูก โค้งลงมาถึงบริเวณมุมปากและมักจะลึกมากขึ้นเมื่อมีอายุเยอะขึ้น พบได้ทั้งในเพศหญิงและชาย

 

 

 

สาเหตุของร่องแก้มลึก

 

 

  1. เกิดจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตาและบริเวณร่องแก้ม เมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วง ที่อายุ 30 ปีขึ้นไป คอลลาเจนและอีลาสตินจะลดลง ทำให้ผิวหย่อนคล้อย แก้มห้อย ขาดความยืดหยุ่น เนื้อแก้มด้านบนจึงหย่อนลง เกิดร่องแก้มที่ลึกขึ้น
  2. เกิดจากผิวแห้ง เกิดจากปัจจัยเหล่านี้ เช่น คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวลดลง โครงสร้างของผิวเสื่อมลง อายุที่เพิ่มขึ้น รังสียูวีจากแสงแดด การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มชา หรือ การดื่มกาแฟ เป็นต้น ส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ชั้นผิวบางลง โดยจะเห็นเป็นริ้วๆตื้นๆบริเวณร่องแก้ม
  3. เกิดจากการแสดงสีหน้าบ่อยๆ เช่น การยิ้ม การหัวเราะ เป็นต้น ทำให้กล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มแข็งแรงเกินไป ทำให้เกิดริ้วรอย ร่องลึก ใบหน้าดูแก่ก่อนวัย

 

 

 

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

 

 

–              ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ สดใส เป็นธรรมชาติ

–              ทำให้ผิวเต่งตึง กระชับ

–              ทำให้ริ้วรอย ร่องลึกบริเวณร่องแก้มตื้นขึ้น

–             ทำให้บุคลิกภาพดีขึ้น เสริมสร้างความมั่นใจ

–             ทำให้ผิวชุ่มชื้น เรียบเนียน สวยงาม

 

 

 

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเหมาะกับ

 

 

  • บุคคลที่ไม่ต้องการผ่าตัด เสริมร่องแก้ม
  • บุคคลที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้ง
  • บุคคลที่มีปัญหาใบหน้าดูแก่ก่อนวัย ดูไม่สดใส
  • บุคคลที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องแก้มลึก จากอายุที่เพิ่มมากขึ้น
  • บุคคลที่มีปัญหาแก้มตอบ ขมับลึก

 

 

 

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ที่ชินวีย์ คลินิก

 

 

 

 

แพทย์ผู้ทำหัตถการ ที่ชินวีย์ คลินิก มีประสบการณ์ มีความชำนาญเรื่องเส้นเลือด กายวิภาค (Anatomy) และสรีระบนใบหน้าเป็นอย่างดี สามารถอธิบายข้อมูลให้กับคนไข้ได้อย่างละเอียด ฉีดด้วยเทคนิค ตำแหน่งและระดับชั้นผิวที่ถูกต้อง เพื่อได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และสวยงามเป็นธรรมชาติ ซึ่งเทคนิคการฉีดจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล เช่น

 

  • ถ้าคนไข้มีปัญหาร่องแก้มลึกจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณร่องแก้ม แพทย์จะฉีดฟิลเลอร์ด้วยเทคนิค ฉีดที่ชั้นกระดูกใต้กล้ามเนื้อ และฉีดต่ำกว่าบริเวณร่องแก้มเล็กน้อย ทำให้ร่องแก้มตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ถ้าคนไข้มีปัญหาร่องแก้มลึกจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตา แพทย์จะฉีดฟิลเลอร์ด้วยเทคนิค ฉีดยกผิวในชั้นกระดูก เพื่อดึงโครงสร้างผิวโดยรวมขึ้น ทำให้เนื้อแก้มที่กองเป็นก้อนน้อยลง ร่องแก้มตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ถ้าคนไข้มีปัญหาร่องแก้มลึกจากการแสดงสีหน้าบ่อยๆ แพทย์จะฉีดฟิลเลอร์ด้วยเทคนิค ฉีดหนุนกล้ามเนื้อ เพื่อควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้ร่องแก้มตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ถ้าคนไข้มีปัญหาร่องแก้มลึกจากผิวแห้งหรือการโดนแดดจัดบ่อยๆ แพทย์จะฉีดฟิลเลอร์ด้วยเทคนิค ฉีดเติมความชุ่มชื้นลงในชั้นผิวโดยตรง และใช้ฟิลเลอร์โมเลกุลเล็กเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดูเรียนเนียน เป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน

 

อีกทั้งคลินิกที่ทำหัตถการยังได้มาตรฐาน สะอาด ได้รับอนุญาต มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณะสุข มีความน่าเชื่อถือ นัดติดตามผลหลังทำทุกเคส ฟิลเลอร์ที่ใช้ทำหัตถการเป็นฟิลเลอร์แท้ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ผ่านการรับรองคุณภาพและมาตรฐานจาก อย.ประเทศไทย มีความคงตัว มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เติมเต็มช่องว่างระหว่างเซลล์ผิวได้ดี เพิ่มและปรับขนาดโครงสร้างใต้ชั้นผิว ปลอดภัย 100% สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง ไม่เป็นอันตราย

 

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่บวม สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่มีแผล เห็นผลการเปลี่ยนแปลงหลังฉีดทันที หลังฉีดผลลัพธ์อยู่ได้ 12-18 เดือน (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้ การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์)

 

 

 

 

 

ยี่ห้อ ราคา และปริมาณฟิลเลอร์ ที่เหมาะสมสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

 

 

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เนื่องจากผิวชั้นบนบริเวณร่องแก้ม มีความแห้งและบาง จึงต้องใช้ฟิลเลอร์เนื้ออ่อน ทนต่อการขยับได้ดี มีความคงตัวสูง คงรูปได้ เพื่อให้ฟิลเลอร์กระจายตัวและเรียบเนียนไปกับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยทั่วไปจะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-4 cc ( ข้างละ 0.5-2 cc ) ขึ้นอยู่กับความลึกของร่องแก้มในคนไข้แต่ละบุคคล

 

นิยมใช้ ฟิลเลอร์

 

แบรนด์ Juvederm รุ่น Volift, Voluma, Ultra Plus

ราคา 12,900 บาท / 1 CC

 

แบรนด์ Restylane รุ่น Volyme

ราคา 11,900 บาท / 1 CC

 

แบรนด์ Neuramis Deep

ราคา 6,900 บาท / 1 CC

 

 

 

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

 

 

ขั้นตอนที่ 1 แพทย์จะทำการประเมินลักษณะของใบหน้า ปัญหาผิว สาเหตุของการเกิดร่องแก้ม สอบถามประวัติคนไข้เพิ่มเติม เช่น ประวัติการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ประวัติการทำศัลยกรรมร่องแก้ม โรคประจำตัว ยาที่ใช้ประจำ และการแพ้ยา เป็นต้น หลังจากนั้นแพทย์จะทำการออกแบบและวางแผน เพื่อแนะนำยี่ห้อ รุ่นและปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับบริเวณที่ทำการรักษา

 

ขั้นตอนที่ 2 เจ้าหน้าที่จะทำการถ่ายภาพบริเวณที่จะทำการรักษา เพื่อวัดผลการเปลี่ยนแปลงก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์

 

ขั้นตอนที่ 3 แพทย์จะทำการตรวจสอบฟิลเลอร์ เพื่อให้คนไข้มั่นใจว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้ โดยแสดงหลักฐานให้กับคนไข้ ดังนี้

 

– เลขทะเบียนอย.

– ป้ายภาษาไทยที่ข้างกล่อง

– เอกสารกำกับภาษาไทยที่อยู่ภายในกล่อง

– สติกเกอร์ โฮโลแกรม Galderma (สำหรับแบรนด์ Restylane เท่านั้น)

– เลข Lot ของฟิลเลอร์

โดยเลข Lot ต้องตรงกัน 4 จุดสำหรับแบรนด์ Juvederm คือ เลข Lot ที่กล่อง, เลข Lot ที่ซอง, เลข Lot ที่สติกเกอร์ และ เลข Lot ที่หลอด

โดยเลข Lot ต้องตรงกัน 2 จุดสำหรับแบรนด์ Restylane คือ เลข lot. ที่ข้างกล่อง และเลข lot. ที่หลอด

– แสดงเบอร์บริษัทยาเพื่อให้คนไข้สามารถโทรเช็คเกี่ยวกับการซื้อยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคลินิก

สำหรับแบรนด์ Juvederm คือ Allergan Thailand (DKSH) โทร. 02-6404999 ต่อ 1

สำหรับแบรนด์ Restylane คือ Galderma โทร. 02-0231800 ต่อ 402

 

ขั้นตอนที่ 4 เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดบริเวณที่ทำหัตถการด้วย Micellar Cleaning Water และ น้ำยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

 

ขั้นตอนที่ 5 แพทย์จะทำการฉีดยาชา เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นขณะฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

 

ขั้นตอนที่ 6 แพทย์ทำการฉีดฟิลเลอร์ โดยใช้เวลาทำหัตถการประมาณ 20-30 นาที

 

ขั้นตอนที่ 7 แพทย์จะให้คำแนะนำวิธีการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

 

 

 

การเตรียมตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

 

 

  1. งดดื่มแอลกอฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การซาวน่า, อบไอน้ำ หรือ การออกกำลังกายหนัก (วิ่ง, ต่อยมวย, เต้นแอโรบิค) 24 ชั่วโมงก่อนทำหัตถการ
  2. งดการรับประทานยากลุ่มแอสไพรินและกลุ่มNSAIDs เช่น Ibruprofen, Diclofenac หรือ Ponstan 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เพราะยากลุ่มนี้จะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดไหลหยุดยาก ขณะฉีดฟิลเลอร์
  3. งดการรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิด เช่น St. Johns Wort, Ginko Biloba, Primrose Oil, Garlic, Vitamin E, น้ำมันปลา หรือ Ginseng 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เพราะวิตามินหรืออาหารเสริมกลุ่มนี้จะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดไหลหยุดยาก ขณะฉีดฟิลเลอร์
  4. งดทายาหรือทาครีมชนิดผลัดเซลล์ผิวในบริเวณที่ทำหัตถการ เช่น Tretinoin (Retin-A), Retinols, Retinoids หรือGlycolic Acid 3 วันก่อนทำหัตถการ
  5. งดการ Wax หรือการโกนขนในบริเวณที่ทำหัตถการ 3 วันก่อนทำหัตถการ
  6. งดการเลเซอร์ในบริเวณที่ทำหัตถการ 3 วันก่อนทำหัตถการ

 

 

 

การดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

 

 

  1. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หลังทำหัตถการ 48 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้ร่องแก้มเสียรูปทรงและเกิดอาการแดงบริเวณที่ฉีดได้
  2. หลีกเลี่ยงการจับ การแกะ การเกา การคลึงหรือการนวดในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 7 วัน เพราะอาจทำให้เกิดการเคลื่อนตำแหน่งของตัวยาได้
  3. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ หลังทำหัตถการ 5 วัน เพราะอาจทำให้ร่องแก้มเกิดอาการบวมหรืออักเสบได้
  4. แนะนำดื่มน้ำเปล่า ภายหลังทำหัตถการใน 24 ชั่วโมงแรก โดยปริมาณที่แนะนำคือ 1.5-2 ลิตร/วัน หรือประมาณ 8-10 แก้ว/วัน เนื่องจากสาร HA มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เมื่อดื่มน้ำ โมเลกุลของน้ำจะไปจับกับโมเลกุลของสาร HA ทำให้ฟิลเลอร์ฟูสวย เป็นธรรมชาติและคงสภาพอยู่ได้นานขึ้น
  5. หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน เช่น ไดร์เป่าผม เตาปิ้งย่าง เป็นต้น การโดนแสงแดดจัด การสัมผัสน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 14 วัน เพราะอาจทำให้เกิดอาการแดงบริเวณที่ฉีดได้
  6. หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ การซาวน่า การทำเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึก และการทำ RF หรือ Iontoในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 14 วัน
  7. หลีกเลี่ยงการทาแป้ง ทารองพื้น ทาครีมบำรุงหรือแต่งหน้าในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 12 ชั่วโมง
  8. หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ในบางรายอาจมีอาการปวด บวม แดง หรือจับแล้วรู้สึกเจ็บในบริเวณที่ฉีด อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติ โดยจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 3-5 วัน คนไข้สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการทานยาแก้ปวดหรือประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนใหญ่อาการเหล่านี้มักพบในบุคคลที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด, Aspirin, Alcohol, วิตามิน E หรือ อาหารเสริมบางชนิด เช่น Fish Oil หรือ Primrose Oil เป็นต้น
  9. หลีกเลี่ยงการรับประทานยา วิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิด ที่กระตุ้นการไหลเวียนเลือด เช่น ยากลุ่มแอสไพริน, Vitamin E, ใบแป๊ะก๊วย และน้ำมันปลา เป็นต้น หลังทำหัตถการ 14 วัน เนื่องจากอาจส่งผลให้เลือดไหลหยุดช้าหรือช้ำง่ายกว่าปกติ
  10. หลีกเลี่ยงการทาครีมที่มีส่วนผสมของ BHA, AHA (กรดผลไม้) และ Retinoidในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 14 วัน
  11. หลีกเลี่ยงการนอนราบ หลังทำหัตถการใน 4 ชั่วโมงแรก
  12. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหมักดอง อาหารรสจัด และอาหารดิบ หลังทำหัตถการ 7 วัน เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดเกิดอาการบวม แดงหรืออักเสบได้

 

 

 

ข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

 

 

  1. หลีกเลี่ยงในหญิงตั้งครรภ์ หรือหญิงที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
  2. หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีปัญหาเลือดไหลหยุดยาก หรือ บุคคลที่ต้องทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดเป็นประจำ
  3. หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีประวัติแพ้ยาชา
  4. หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีภาวะอักเสบติดเชื้อผิวหนังบริเวณที่จะทำหัตถการ

 

 

 

สำหรับคนไข้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มที่ Chinnawee Clinic สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษาแพทย์ ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

 

ชินวีย์ คลินิก ยินดีให้บริการ

Share:

More Posts