ฟิลเลอร์แก้มส้ม (Midface Fillers)

คือการฉีดฟิลเลอร์ (Hyaluronic Acid) เข้าไปที่ตำแหน่ง Midface (Midface คือ บริเวณใบหน้าส่วนกลาง ตั้งแต่ใต้ตาจนถึงเหนือริมฝีปาก) ทำให้เกิดพวงแก้ม โหนกแก้ม หรือที่เรียกกันว่าแก้มส้ม (แก้มส้ม หรือ O-Gee Curve คือ ตำแหน่งของแก้มที่อยู่ระหว่างหางคิ้วกับปลายจมูก บริเวณจุดรอยต่อของใต้ตากับแก้ม)

 

 

ใบหน้าที่ดูสวย คือใบหน้าที่มีสัดส่วนพอเหมาะและมีความสมดุล โดยเฉพาะบริเวณแก้มส้ม เพราะแก้มจะอยู่ส่วนกลางของใบหน้าและเห็นชัดมากที่สุด โดยแก้มส้มที่มีสัดส่วนสวยงาม มีมิติ ตามหลักสามเหลี่ยมแห่งความงาม (Triangle of Youth) คือ เมื่อมองจากทางด้านข้าง จะเห็นโหนกแก้มด้านบนโค้งเข้ามาด้านในเป็นรูปตัว S มีลักษณะกลมใส อวบอิ่ม คล้ายผลส้ม รูปหน้าโดยรวมจะมีลักษณะคล้ายสามเหลี่ยมคว่ำเป็นทรง V-Shape ผิวไม่หย่อนคล้อย

 

 

 

ทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม

 

 

โดยทั่วไป บริเวณใต้ผิวหนังจะมีชั้นกระดูกและไขมันคอยพยุงใบหน้าให้ยก ทำให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น กระดูกและไขมันจะยุบตัวลง โดยเฉพาะบริเวณแก้มหรือโหนกแก้ม ส่งผลให้ไขมันบนใบหน้าเคลื่อนตัวลงด้านล่าง ทำให้ดูเหมือนมีแอ่งเล็กๆ เกิดริ้วรอยร่องลึก ใบหน้าหย่อนคล้อย ไม่ได้รูป ดูแบน ไม่มีมิติ ใบหน้าดูแก่กว่าวัย โทรม ไม่สดใส สูญเสียความมั่นใจ

 

 

การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม ฟิลเลอร์จะไปทดแทนกระดูกและชั้นไขมันที่เสื่อมสลายไป ทำให้แก้มยกขึ้น ใบหน้ากระชับ เรียวสวย แลดูอ่อนเยาว์ ปรับรูปทรงแก้ม ให้ได้รูป กลมนูน โค้งมนสวย สมบูรณ์รับกับใบหน้า มีมิติคมชัด ใบหน้าสดใส มีชีวิตชีวา มีเสน่ห์ มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม ยังช่วยเสริมโหงวเฮ้งตามความเชื่อของศาสตร์จีนอีกด้วย เพราะแก้มส้มที่สวย อิ่มเต็ม จะช่วยเสริมให้บุคคลนั้นมีวาสนา ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ราบรื่นไม่ติดขัด มีคนอุปถัมภ์ ค้ำชู ร่ำรวยเงินทอง

 

 

 

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม

 

 

–              ทำให้ใบหน้าสวย สดใส แลดูอ่อนเยาว์ เป็นธรรมชาติ

–             ทำให้บุคลิกภาพดีขึ้น เสริมสร้างความมั่นใจ เสริมโหงวเฮ้ง

–              ทำให้โครงสร้างใบหน้าได้สัดส่วน ดูมีมิติ อิ่มเอิบมากยิ่งขึ้น

–              ทำให้ผิวกระชับ เรียบเนียน

–              ทำให้ริ้วรอยร่องใต้ตาและร่องแก้มดูตื้นขึ้น

 

 

 

การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มเหมาะกับ

 

 

  • ผู้ที่มีปัญหาหน้าแบนราบ เมื่อมองจากด้านข้าง ไม่มีมิติ
  • ผู้ที่มีปัญหาแก้มแบน แก้มตก แก้มตอบ หรือโหนกแก้มยุบ
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
  • ผู้ที่ต้องการเพิ่มมิติให้กับใบหน้า
  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า ให้ดูมีสัดส่วน สวย สมบูรณ์
  • ผู้ที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้ง

 

 

 

การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม ที่ชินวีย์ คลินิก

 

 

 

 

เนื่องจากบริเวณแก้มส้มจะมีเส้นเลือดที่สำคัญเป็นจำนวนมาก การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มจึงต้องใช้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านความงาม โดยแพทย์ผู้ทำหัตถการ ที่ชินวีย์ คลินิก มีประสบการณ์ในด้านการฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า มีความชำนาญเรื่องเส้นเลือดและกายวิภาค (Anatomy) เป็นอย่างดี สามารถวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาและอธิบายข้อมูลให้กับคนไข้ได้อย่างละเอียด ฉีดในตำแหน่งชั้นผิวและเทคนิคที่ถูกต้อง โดยการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม แพทย์จะฉีดบริเวณหน้าแก้มที่ชั้นไขมัน ใช้เข็มปลายทู่ (Blunt Cannula) ในการฉีดเพื่อป้องกันฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด และใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน แก้มส้มดูอวบอิ่ม ไม่แข็งเป็นก้อน สวยงามเป็นธรรมชาติ ใบหน้าดูเต็ม ละมุน และดูอ่อนกว่าวัย

 

 

อีกทั้งคลินิกที่ทำหัตถการยังได้มาตรฐาน สะอาด ได้รับอนุญาต มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณะสุข มีความน่าเชื่อถือ นัดติดตามผลหลังทำทุกเคส ฟิลเลอร์ที่ใช้ทำหัตถการเป็นฟิลเลอร์แท้ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ผ่านการรับรองคุณภาพและมาตรฐานจาก อย.ประเทศไทย มีความคงตัว มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เติมเต็มช่องว่างระหว่างเซลล์ผิวหนัง เพิ่มและปรับขนาดโครงสร้างใต้ชั้นผิวหนัง ปลอดภัย 100% สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง ไม่เป็นอันตราย

 

 

การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่บวม ไม่ช้ำ ไม่เกิดรอยแผลเป็น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เห็นผลการเปลี่ยนแปลงหลังฉีดทันที หลังฉีดผลลัพธ์อยู่ได้ 1 ปี – 1 ปีครึ่ง (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้ การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์)

 

 

 

ยี่ห้อ ราคา และปริมาณฟิลเลอร์ ที่เหมาะสมสำหรับการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม

 

 

การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม จะต้องใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติกระจายตัวได้ดี มีความอิ่มฟู ยืดหยุ่นสูง เนื้อนิ่มปานกลาง เนื้อเนียนละเอียด คงตัว เพื่อให้ฟิลเลอร์เรียบเนียนไปกับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยทั่วไปจะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 2-3 cc ขึ้นอยู่กับโครงสร้างชั้นผิวและปัญหาของคนไข้แต่ละบุคคล

 

 

นิยมใช้ ฟิลเลอร์

 

แบรนด์ Juvederm รุ่น Voluma, Volift

ราคา 12,900 บาท / 1 CC

 

แบรนด์ Neuramis Deep

ราคา 6,900 บาท / 1 CC

 

 

 

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม

 

 

ขั้นตอนที่ 1 แพทย์จะทำการประเมินสาเหตุ วิเคราะห์ปัญหาผิว สอบถามประวัติคนไข้เพิ่มเติม เช่น ประวัติการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม ประวัติการทำศัลยกรรมโครงหน้า โรคประจำตัว ยาที่ใช้ประจำ และการแพ้ยา เป็นต้น หลังจากนั้นแพทย์จะทำการออกแบบและวางแผน เพื่อแนะนำยี่ห้อ รุ่นและปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับบริเวณที่ทำการรักษา

 

ขั้นตอนที่ 2 เจ้าหน้าที่จะทำการถ่ายภาพบริเวณที่จะทำการรักษา เพื่อวัดผลการเปลี่ยนแปลงก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์

 

ขั้นตอนที่ 3 แพทย์จะทำการตรวจสอบฟิลเลอร์ เพื่อให้คนไข้มั่นใจว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้ โดยแสดงหลักฐานให้กับคนไข้ ดังนี้

 

– เลขทะเบียนอย.

– ป้ายภาษาไทยที่ข้างกล่อง

– เอกสารกำกับภาษาไทยที่อยู่ภายในกล่อง

– เลข Lot ของฟิลเลอร์

โดยเลข Lot ต้องตรงกัน 4 จุดสำหรับแบรนด์ Juvederm คือ เลข Lot ที่กล่อง, เลข Lot ที่ซอง, เลข Lot ที่สติกเกอร์ และ เลข Lot ที่หลอด

– แสดงเบอร์บริษัทยาเพื่อให้คนไข้สามารถโทรเช็คเกี่ยวกับการซื้อยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคลินิก

สำหรับแบรนด์ Juvederm คือ Allergan Thailand (DKSH) โทร. 02-6404999 ต่อ 1

 

ขั้นตอนที่ 4 เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดบริเวณที่ทำหัตถการด้วย Micellar Cleaning Water และ น้ำยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

 

ขั้นตอนที่ 5 แพทย์จะทำการฉีดยาชา เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นขณะฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม

 

ขั้นตอนที่ 6 แพทย์ทำการฉีดฟิลเลอร์ โดยใช้เวลาทำหัตถการประมาณ 45 – 60 นาที

 

ขั้นตอนที่ 7 แพทย์จะให้คำแนะนำวิธีการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม

 

 

 

การเตรียมตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม

 

 

  1. งดดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การซาวน่า, การอบไอน้ำ หรือ การออกกำลังกายหนัก (วิ่ง, ต่อยมวย, เต้นแอโรบิค) 1-3 วันก่อนทำหัตถการ เพราะจะทำให้ร่ายกายมีการสูบฉีดเลือดมากกว่าปกติ ส่งผลให้มีอาการปวด หรือบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ได้
  2. งดการรับประทานยากลุ่มแอสไพรินและกลุ่มNSAIDs เช่น Ibruprofen, Diclofenac หรือ Ponstan 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เพราะยากลุ่มนี้จะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดไหลหยุดยาก ขณะฉีดฟิลเลอร์
  3. งดการรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิด เช่น St. Johns Wort, Ginko Biloba, Primrose Oil, Garlic, Vitamin E, น้ำมันปลา หรือ Ginseng 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เพราะวิตามินหรืออาหารเสริมกลุ่มนี้จะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดไหลหยุดยาก ขณะฉีดฟิลเลอร์
  4. งดทายา ทาครีมชนิดผลัดเซลล์ผิว การดึงขน การโกนขน การWaxขน หรือสครับผิว ในบริเวณที่ทำหัตถการ เช่น Tretinoin (Retin-A), Retinols, Retinoids หรือGlycolic Acid 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เนื่องจากจะเป็นการรบกวนผิวบริเวณทีทำหัตถการ ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
  5. งดการเลเซอร์ และนวดหน้า ในบริเวณที่ทำหัตถการ 3 วันก่อนทำหัตถการ

 

 

 

การดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม

 

 

  1. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หลังทำหัตถการ 2 วัน เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดเสียรูปทรงและเกิดอาการแดงบริเวณที่ฉีดได้
  2. หลีกเลี่ยงการจับ การแกะ การเกา การคลึงหรือการนวดในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 7 วัน เพราะอาจทำให้เกิดการเคลื่อนตำแหน่งของตัวยาได้
  3. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ หลังทำหัตถการ 7 วัน เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดเกิดอาการบวมหรืออักเสบได้
  4. แนะนำดื่มน้ำเปล่า ภายหลังทำหัตถการใน 24 ชั่วโมงแรก โดยปริมาณที่แนะนำคือ 1.5-2 ลิตร/วัน หรือประมาณ 8-10 แก้ว/วัน เนื่องจากสาร HA มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เมื่อดื่มน้ำ โมเลกุลของน้ำจะไปจับกับโมเลกุลของสาร HA ทำให้ฟิลเลอร์ฟูสวย เป็นธรรมชาติและคงสภาพอยู่ได้นานขึ้น
  5. หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน เช่น ไดร์เป่าผม เตาปิ้งย่าง เป็นต้น การโดนแสงแดดจัด การสัมผัสน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 2 วัน เพราะอาจทำให้เกิดอาการแดงบริเวณที่ฉีดได้และทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็วกว่าระยะเวลาที่ควรจะเป็นตามปกติ
  6. หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ การซาวน่า การทำเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึก และการทำ RF หรือ Ionto ในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 14 วัน
  7. หลีกเลี่ยงการทาแป้ง ทารองพื้น ทาครีมบำรุงในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 12 ชั่วโมง
  8. หลังฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม ในบางรายอาจมีอาการปวด บวม แดง หรือจับแล้วรู้สึกเจ็บในบริเวณที่ฉีด อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติ โดยจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 2-3 วัน คนไข้สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการทานยาแก้ปวดหรือประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนใหญ่อาการเหล่านี้มักพบในบุคคลที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด, Aspirin, Alcohol, วิตามิน E หรือ อาหารเสริมบางชนิด เช่น Fish Oil หรือ Primrose เป็นต้น
  9. หลีกเลี่ยงการรับประทานยา วิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิด ที่กระตุ้นการไหลเวียนเลือด เช่น ยากลุ่มแอสไพริน, Ibruprofen, ยากลุ่มแก้อักเสบ, Vitamin E, ใบแป๊ะก๊วย และน้ำมันปลา เป็นต้น หลังทำหัตถการ 14 วัน เนื่องจากอาจส่งผลให้เลือดไหลหยุดช้าหรือช้ำง่ายกว่าปกติ
  10. หลีกเลี่ยงการทาครีมที่มีส่วนผสมของ BHA, AHA (กรดผลไม้) และ Retinoid ในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 14 วัน
  11. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหมักดอง อาหารรสจัด และอาหารดิบ หลังทำหัตถการ 7 วัน เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดเกิดอาการบวม แดงหรืออักเสบได้

 

 

 

ข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม

 

 

  1. หลีกเลี่ยงในหญิงตั้งครรภ์ หรือหญิงที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
  2. หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีปัญหาเลือดไหลหยุดยาก หรือ บุคคลที่ต้องทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดเป็นประจำ
  3. หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีประวัติแพ้ยาชา
  4. หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีภาวะอักเสบติดเชื้อผิวหนังบริเวณที่จะทำหัตถการ

 

 

 

สำหรับคนไข้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มที่ Chinnawee Clinic สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษาแพทย์ ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

 

ชินวีย์ คลินิก ยินดีให้บริการ

 

 

 

Share:

More Posts