ฟิลเลอร์คาง (Chin Fillers)

 

คือการฉีดฟิลเลอร์ (Hyaluronic Acid) เข้าไปบริเวณคาง เพื่อปรับรูปทรงคาง แก้ปัญหาคางสั้น คางตัด คางถอย คางเบี้ยว คางย้อย คางบุ๋ม คางไม่เท่ากัน แก้ปัญหาหน้ากลม หน้าเหลี่ยม หรือแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกบริเวณมุมปาก ทำให้คางสวยรับกับใบหน้า รูปหน้าเรียวขึ้น เป็นทรง V Shape ใบหน้ามีมิติ สมส่วน ได้รูป เสริมโหงวเฮ้ง มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

 

 

ลักษณะโหงวเฮ้งคางที่ดี คือ คางกลมมน ยาว ยื่นมาด้านหน้าเล็กน้อย มีเนื้อนูนเต็ม เอิบอิ่ม ซึ่งลักษณะคางเช่นนี้จะเป็นคนที่มีวาสนา มั่งมีทรัพย์ สติปัญญาดี ขยัน มีความมุ่งมั่น อดทน รักความก้าวหน้า เป็นที่รักใคร่แก่คนทั่วไป มีเสน่ห์ ประสบความสำเร็จในชีวิต

 

 

 

ปัญหาคางที่เหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์คาง

 

 

  • ปัญหาคางสั้น

เกิดจากโครงสร้างกระดูกกรามหรือขากรรไกรสั้น ส่วนใหญ่มักมาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ปลายคางมีลักษณะสั้น ไม่ได้รูป คางอยู่ใกล้ริมฝีปากมากเกินไป ส่งผลให้ใบหน้าไม่มีมิติและดูไม่สมมาตร

 

  • ปัญหาคางตัด

เกิดจากโครงสร้างกระดูก หรือกล้ามเนื้อบริเวณปลายคาง มีองศาระนาบไปกับพื้น ปลายคางมีลักษณะสั้น ตัด ส่งผลให้คางดูทื่อ ใบหน้ามีลักษณะเหลี่ยม สั้น ทำให้หน้าดูดุ

 

  • ปัญหาคางบุ๋ม

เกิดจากความผิดปกติของการดึงรั้งโครงสร้างกระดูกหรือกล้ามเนื้อบริเวณคาง ทำให้ปลายคางมีลักษณะเป็นร่องบุ๋มเข้าไป ส่งผลให้ใบหน้าผิดรูป หน้าดูดุ

 

  • ปัญหาคางยื่น

เกิดจากกระดูกปลายคางหรือขากรรไกรมีความยาวไปด้านหน้ามากเกินไป ทำให้ปลายคางมีลักษณะยาว ยื่น ส่งผลให้ใบหน้าไม่ได้สัดส่วน และยังส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเคี้ยวอาหารหรือการสบฟัน เป็นต้น

 

 

 

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คาง

 

 

–              ทำให้ใบหน้าสวย ได้สัดส่วน เป็นธรรมชาติ

–             ทำให้บุคลิกภาพดีขึ้น เสริมสร้างความมั่นใจ

–             ทำให้ใบหน้าเรียว รูปคางสวย อวบอิ่ม มีเสน่ห์

–             ทำให้ร่องลึกบริเวณมุมปากตื้นขึ้น

–             ทำให้ร่องน้ำหมากตื้นขึ้น

–             ทำให้ผิวเกิดความชุ่มชื้น

 

 

 

การฉีดฟิลเลอร์คางเหมาะกับ

 

 

  • บุคคลที่ไม่ต้องการผ่าตัดเสริมคาง
  • บุคคลที่มีปัญหาคางบุ๋ม คางไม่เท่ากัน คางเบี้ยว คางย้อย คางสั้น คางไม่สมส่วน
  • บุคคลที่มีปัญหาหน้าเหลี่ยม หน้ากลม
  • บุคคลที่มีปัญหาใบหน้าไม่ได้รูป ใบหน้าบิดเบี้ยว
  • บุคคลที่ต้องการแก้ไข เสริมโหงวเฮ้ง

 

 

 

การฉีดฟิลเลอร์คาง ที่ชินวีย์ คลินิก

 

 

 

 

เนื่องจากบริเวณคางจะมีเส้นเลือดที่สำคัญเป็นจำนวนมาก การฉีดฟิลเลอร์คางจึงต้องใช้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ โดยแพทย์ผู้ทำหัตถการ ที่ชินวีย์ คลินิก มีประสบการณ์ในด้านการฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า มีความชำนาญเรื่องเส้นเลือดและกายวิภาค (Anatomy) โครงสร้างใบหน้าเป็นอย่างดี สามารถวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา ประเมิน ออกแบบใบหน้า และอธิบายข้อมูลให้กับคนไข้ได้อย่างละเอียด ฉีดในตำแหน่งชั้นผิวและเทคนิคที่ถูกต้อง โดยการฉีดฟิลเลอร์คาง แพทย์จะฉีดเทคนิคเสริมกระดูก ใช้เข็มปลายทู่ (Blunt Cannula) ในการฉีดเพื่อป้องกันฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด และใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน คางสวยได้รูป ยิ้มไม่เป็นก้อน เป็นธรรมชาติ

 

อีกทั้งคลินิกที่ทำหัตถการยังได้มาตรฐาน สะอาด ได้รับอนุญาต มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณะสุข มีความน่าเชื่อถือ นัดติดตามผลหลังทำทุกเคส ฟิลเลอร์ที่ใช้ทำหัตถการเป็นฟิลเลอร์แท้ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ผ่านการรับรองคุณภาพและมาตรฐานจาก อย.ประเทศไทย มีความคงตัว มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เติมเต็มช่องว่างระหว่างเซลล์ผิวหนัง เพิ่มและปรับขนาดโครงสร้างใต้ชั้นผิวหนัง ปลอดภัย 100% สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง ไม่เป็นอันตราย

 

การฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่บวม ไม่ช้ำ ไม่เกิดรอยแผลเป็น สามารถแต่งหน้า ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เห็นผลการเปลี่ยนแปลงหลังฉีดทันที หลังฉีดผลลัพธ์อยู่ได้ 1 ปี – 2 ปี (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้ การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์)

 

 

 

ยี่ห้อ ราคา และปริมาณฟิลเลอร์ ที่เหมาะสมสำหรับการฉีดฟิลเลอร์คาง

 

 

การฉีดฟิลเลอร์คาง จะต้องใช้ฟิลเลอร์ชนิดเนื้อแข็ง ฟู มีความคงตัวและยืดหยุ่นสูง เพื่อให้ฟิลเลอร์สามารถขึ้นรูปและพยุงผิวได้ดี โดยทั่วไปจะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-2 cc ขึ้นอยู่กับโครงสร้างชั้นผิวและปัญหาของคนไข้แต่ละบุคคล

 

นิยมใช้ ฟิลเลอร์

 

แบรนด์ Juvederm รุ่น Voluma

ราคา 12,900 บาท / 1 CC

 

แบรนด์ Restylane รุ่น Perlane Lyft

ราคา 11,900 บาท / 1 CC

 

แบรนด์ Neuramis Deep

ราคา 6,900 บาท / 1 CC

 

 

 

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์คาง

 

 

ขั้นตอนที่ 1 แพทย์จะทำการประเมินสาเหตุ วิเคราะห์ปัญหาผิว สอบถามประวัติคนไข้เพิ่มเติม เช่น ประวัติการฉีดฟิลเลอร์คาง ประวัติการทำศัลยกรรมคาง โรคประจำตัว ยาที่ใช้ประจำ และการแพ้ยา เป็นต้น หลังจากนั้นแพทย์จะทำการออกแบบและวางแผน เพื่อแนะนำยี่ห้อ รุ่นและปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับบริเวณที่ทำการรักษา

 

ขั้นตอนที่ 2 เจ้าหน้าที่จะทำการถ่ายภาพบริเวณที่จะทำการรักษา เพื่อวัดผลการเปลี่ยนแปลงก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์

 

ขั้นตอนที่ 3 แพทย์จะทำการตรวจสอบฟิลเลอร์ เพื่อให้คนไข้มั่นใจว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้ โดยแสดงหลักฐานให้กับคนไข้ ดังนี้

 

– เลขทะเบียนอย.

– ป้ายภาษาไทยที่ข้างกล่อง

– เอกสารกำกับภาษาไทยที่อยู่ภายในกล่อง

– เลข Lot ของฟิลเลอร์

โดยเลข Lot ต้องตรงกัน 4 จุดสำหรับแบรนด์ Juvederm คือ เลข Lot ที่กล่อง, เลข Lot ที่ซอง, เลข Lot ที่สติกเกอร์ และ เลข Lot ที่หลอด

โดยเลข Lot ต้องตรงกัน 2 จุดสำหรับแบรนด์ Restylane คือ เลข lot. ที่ข้างกล่อง และเลข lot. ที่หลอด

– แสดงเบอร์บริษัทยาเพื่อให้คนไข้สามารถโทรเช็คเกี่ยวกับการซื้อยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคลินิก

สำหรับแบรนด์ Juvederm คือ Allergan Thailand (DKSH) โทร. 02-6404999 ต่อ 1

สำหรับแบรนด์ Restylane คือ Galderma โทร. 02-0231800 ต่อ 402

 

ขั้นตอนที่ 4 เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดบริเวณที่ทำหัตถการด้วย Micellar Cleaning Water และ น้ำยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

 

ขั้นตอนที่ 5 แพทย์จะทำการฉีดยาชา เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นขณะฉีดฟิลเลอร์คาง

 

ขั้นตอนที่ 6 แพทย์ทำการฉีดฟิลเลอร์ โดยใช้เวลาทำหัตถการประมาณ 10 – 30 นาที

 

ขั้นตอนที่ 7 แพทย์จะให้คำแนะนำวิธีการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์คาง

 

 

 

การเตรียมตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์คาง

 

 

  1. งดดื่มแอลกอฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การซาวน่า, การอบไอน้ำ หรือ การออกกำลังกายหนัก (วิ่ง, ต่อยมวย, เต้นแอโรบิค) 24 ชั่วโมงก่อนทำหัตถการ เพราะจะทำให้ร่ายกายมีการสูบฉีดเลือดมากกว่าปกติ ส่งผลให้มีอาการปวด หรือบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ได้
  2. งดการรับประทานยากลุ่มแอสไพรินและกลุ่มNSAIDs เช่น Ibruprofen, Diclofenac หรือ Ponstan 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เพราะยากลุ่มนี้จะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดไหลหยุดยาก ขณะฉีดฟิลเลอร์
  3. งดการรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิด เช่น St. Johns Wort, Ginko Biloba, Primrose Oil, Garlic, Vitamin E, น้ำมันปลา หรือ Ginseng 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เพราะวิตามินหรืออาหารเสริมกลุ่มนี้จะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดไหลหยุดยาก ขณะฉีดฟิลเลอร์
  4. งดทายา ทาครีมชนิดผลัดเซลล์ผิว หรือสครับผิว ในบริเวณที่ทำหัตถการ เช่น Tretinoin (Retin-A), Retinols, Retinoids หรือ Glycolic Acid 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เนื่องจากจะเป็นการรบกวนผิวบริเวณทีทำหัตถการ ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
  5. งดการเลเซอร์ในบริเวณที่ทำหัตถการ 3 วันก่อนทำหัตถการ

 

 

 

การดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์คาง

 

 

  1. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หลังทำหัตถการ 24 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดเสียรูปทรงและเกิดอาการแดงบริเวณที่ฉีดได้
  2. หลีกเลี่ยงการจับ การแกะ การเกา การคลึงหรือการนวดในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 7 วัน เพราะอาจทำให้เกิดการเคลื่อนตำแหน่งของตัวยาได้
  3. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ หลังทำหัตถการ 2 วัน เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดเกิดอาการบวมหรืออักเสบได้
  4. แนะนำดื่มน้ำเปล่า ภายหลังทำหัตถการใน 24 ชั่วโมงแรก โดยปริมาณที่แนะนำคือ 1.5-2 ลิตร/วัน หรือประมาณ 8-10 แก้ว/วัน เนื่องจากสาร HA มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เมื่อดื่มน้ำ โมเลกุลของน้ำจะไปจับกับโมเลกุลของสาร HA ทำให้ฟิลเลอร์ฟูสวย เป็นธรรมชาติและคงสภาพอยู่ได้นานขึ้น
  5. หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน เช่น ไดร์เป่าผม เตาปิ้งย่าง เป็นต้น การโดนแสงแดดจัด การสัมผัสน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 2 วัน เพราะอาจทำให้เกิดอาการแดงบริเวณที่ฉีดได้และทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็วกว่าระยะเวลาที่ควรจะเป็นตามปกติ
  6. หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ การซาวน่า การทำเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด และการทำ RF หรือ Ionto ในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 14 วัน
  7. หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า ทาแป้ง ทารองพื้น ทาครีมบำรุงในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 12 ชั่วโมง
  8. หลังฉีดฟิลเลอร์คาง ในบางรายอาจมีอาการปวด บวม แดง หรือจับแล้วรู้สึกเจ็บในบริเวณที่ฉีด อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติ โดยจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 3-7 วัน คนไข้สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการทานยาแก้ปวดหรือประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนใหญ่อาการเหล่านี้มักพบในบุคคลที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด, Aspirin, Alcohol, วิตามิน E หรือ อาหารเสริมบางชนิด เช่น Fish Oil หรือ Primrose เป็นต้น
  9. หลีกเลี่ยงการรับประทานยา วิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิด ที่กระตุ้นการไหลเวียนเลือด เช่น ยากลุ่มแอสไพริน, Vitamin E, ใบแป๊ะก๊วย และน้ำมันปลา เป็นต้น หลังทำหัตถการ 14 วัน เนื่องจากอาจส่งผลให้เลือดไหลหยุดช้าหรือช้ำง่ายกว่าปกติ
  10. หลีกเลี่ยงการทาครีมที่มีส่วนผสมของ BHA, AHA (กรดผลไม้) และ Retinoid ในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 14 วัน
  11. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหมักดอง อาหารรสจัด และอาหารดิบ หลังทำหัตถการ 7 วัน เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดเกิดอาการบวม แดงหรืออักเสบได้
  12. หลีกเลี่ยงการเท้าคาง การนอนคว่ำ หรือการนอนตะแคง หลังทำหัตถการ 3-4 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้เกิดการกดทับบริเวณที่ฉีด ส่งผลให้ฟิลเลอร์เสียรูปทรงได้

 

 

 

ข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์คาง

 

 

  1. หลีกเลี่ยงในหญิงตั้งครรภ์ หรือหญิงที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
  2. หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีปัญหาเลือดไหลหยุดยาก หรือ บุคคลที่ต้องทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดเป็นประจำ
  3. หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีประวัติแพ้ยาชา
  4. หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีภาวะอักเสบติดเชื้อผิวหนังบริเวณที่จะทำหัตถการ
  5. หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีประวัติเป็นภูมิแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis)

 

 

 

สำหรับคนไข้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์คางที่ Chinnawee Clinic สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษาแพทย์ ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

 

ชินวีย์ คลินิก ยินดีให้บริการ

 

Share:

More Posts