คือการฉีดฟิลเลอร์ (Hyaluronic Acid) เข้าไปบริเวณมุมปาก ทำให้บริเวณมุมปากยกกระชับขึ้น ปรับรูปทรงปากให้สวย ทำให้ผิวบริเวณมุมปาก เรียบเนียน ชุ่มชื้น อวบอิ่ม ไม่แห้งแตก ยกกระชับผิวให้เต่งตึง แก้ปัญหามุมปากตก มีรอยขีดเป็นเส้นแนวยาว หรือมีลักษณะเหี่ยวเป็นรอยพับ เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ทำให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ สดใส ริ้วรอยจางลง มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น พูดเจรจามีเสน่ห์ มีโหงวเฮ้งที่ดี
สาเหตุการเกิดมุมปากตก
- เกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น มีรูปทรงปากคว่ำแต่กำเนิด เป็นต้น
- เกิดจากการมีอายุเพิ่มมากขึ้น ทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง ส่งผลให้ผิวบริเวณใบหน้าส่วนบนหรือแก้มหย่อนคล้อยลง เกิดการเหี่ยวย่น
- เกิดจากกล้ามเนื้อที่ใช้ยกมุมปากอ่อนแรง
- เกิดจากน้ำหนักตัวที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการหย่อนคล้อย
ลักษณะรูปปากที่โหวงเฮ้งไม่ดี
- ปากคว่ำ : เป็นคนดื้อรั้น เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ค่อยฟังใคร มักขัดแย้งกับผู้อื่นบ่อยๆ
- มุมปากตก : เป็นคนหน้าบึ้ง เศร้าหมอง ไม่เป็นมิตร ไม่น่าคบหา ไม่สดใส เก็บความลับไม่อยู่ เสียบุคลิกภาพ ใบหน้าดูแก่กว่าวัย
- ริมฝีปากที่มีริ้วรอยเยอะ : เป็นคนทำงานหนัก ชีวิตเคร่งเครียด ขาดความน่าเชื่อถือ ขาดเสน่ห์ ใบหน้าดูแก่กว่าวัย
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก
– ทำให้แลดูอ่อนเยาว์ สดใส เป็นธรรมชาติ
– ทำให้ผิวเต่งตึง กระชับ ไร้ริ้วรอย
– ทำให้บุคลิกภาพดีขึ้น เสริมสร้างความมั่นใจ
– ทำให้ผิวชุ่มชื้น เรียบเนียน สวยงาม
การฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปากเหมาะกับ
- บุคคลที่มีปัญหามุมปากมีรอยขีดเป็นเส้นแนวยาว
- บุคคลที่เมื่ออายุมากขึ้น พบปัญหาผิวบริเวณมุมปากเหี่ยว หย่อนคล้อย ผิวขาดความชุ่มชื้น
- บุคคลที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึกบริเวณมุมปาก
การฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปากที่ชินวีย์ คลินิก
เนื่องจากบริเวณมุมปากจะมีเส้นเลือดที่สำคัญเป็นจำนวนมาก การฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปากจึงต้องใช้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ โดยแพทย์ผู้ทำหัตถการ ที่ชินวีย์ คลินิก มีประสบการณ์ในด้านการฉีดฟิลเลอร์ มีความชำนาญเรื่องเส้นเลือดและกายวิภาค (Anatomy) เป็นอย่างดี สามารถวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาและอธิบายข้อมูลให้กับคนไข้ได้อย่างละเอียด ฉีดในตำแหน่งชั้นผิวและเทคนิคที่ถูกต้อง โดยการฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก แพทย์จะใช้เข็มปลายทู่ (Blunt Cannula) ในการฉีดเพื่อป้องกันฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด และใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน มีประสิทธิภาพ สวยงามเป็นธรรมชาติ ผิวเรียบเนียน นอกจากนี้คนไข้ที่มีริ้วรอยรอบๆ มุมปากร่วมด้วย แพทย์จะทำการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปเติมเต็มผิวบริเวณรอบมุมปาก ทำให้ผิวเต่งตึง ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้นอีกด้วย
อีกทั้งคลินิกที่ทำหัตถการยังได้มาตรฐาน สะอาด ได้รับอนุญาต มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณะสุข มีความน่าเชื่อถือ นัดติดตามผลหลังทำทุกเคส ฟิลเลอร์ที่ใช้ทำหัตถการเป็นฟิลเลอร์แท้ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ผ่านการรับรองคุณภาพและมาตรฐานจาก อย.ประเทศไทย มีความคงตัว มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เติมเต็มช่องว่างระหว่างเซลล์ผิวหนัง เพิ่มและปรับขนาดโครงสร้างใต้ชั้นผิวหนัง ปลอดภัย 100% สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง ไม่เป็นอันตราย
การฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่บวม ไม่ช้ำ ไม่เกิดรอยแผลเป็น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เห็นผลการเปลี่ยนแปลงหลังฉีดทันที หลังฉีดผลลัพธ์อยู่ได้ 8 -12 เดือน (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้ การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์)
ยี่ห้อ ราคา และปริมาณฟิลเลอร์ ที่เหมาะสมสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก
การฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก จะต้องใช้ฟิลเลอร์ชนิดที่มีความยืดหยุ่น เนื้อเนียน ละเอียด เพื่อให้ฟิลเลอร์กระจายตัวและเรียบเนียนไปกับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยทั่วไปจะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-1.5 cc ขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้แต่ละบุคคล
นิยมใช้ ฟิลเลอร์
แบรนด์ Juvederm รุ่น Volift
ราคา 12,900 บาท / 1 CC
แบรนด์ Neuramis Deep
ราคา 6,900 บาท / 1 CC
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก
ขั้นตอนที่ 1 แพทย์จะทำการประเมินสาเหตุ ปัญหาผิว สอบถามประวัติคนไข้เพิ่มเติม เช่น ประวัติการฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก ประวัติการทำศัลยกรรมปาก โรคประจำตัว ยาที่ใช้ประจำ และการแพ้ยา เป็นต้น หลังจากนั้นแพทย์จะทำการออกแบบและวางแผน เพื่อแนะนำยี่ห้อ รุ่นและปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับบริเวณที่ทำการรักษา
ขั้นตอนที่ 2 เจ้าหน้าที่จะทำการถ่ายภาพบริเวณที่จะทำการรักษา เพื่อวัดผลการเปลี่ยนแปลงก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์
ขั้นตอนที่ 3 แพทย์จะทำการตรวจสอบฟิลเลอร์ เพื่อให้คนไข้มั่นใจว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้ โดยแสดงหลักฐานให้กับคนไข้ ดังนี้
– เลขทะเบียนอย.
– ป้ายภาษาไทยที่ข้างกล่อง
– เอกสารกำกับภาษาไทยที่อยู่ภายในกล่อง
– เลข Lot ของฟิลเลอร์
โดยเลข Lot ต้องตรงกัน 4 จุดสำหรับแบรนด์ Juvederm คือ เลข Lot ที่กล่อง, เลข Lot ที่ซอง, เลข Lot ที่สติกเกอร์ และ เลข Lot ที่หลอด
– แสดงเบอร์บริษัทยาเพื่อให้คนไข้สามารถโทรเช็คเกี่ยวกับการซื้อยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคลินิก
สำหรับแบรนด์ Juvederm คือ Allergan Thailand (DKSH) โทร. 02-6404999 ต่อ 1
ขั้นตอนที่ 4 เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดบริเวณที่ทำหัตถการด้วย Micellar Cleaning Water และ น้ำยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ขั้นตอนที่ 5 เจ้าหน้าที่จะทำการทายาชาเพื่อระงับความรู้สึกในบริเวณที่ทำการรักษาทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
ขั้นตอนที่ 6 แพทย์จะทำการฉีดยาชา เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นขณะฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก
ขั้นตอนที่ 7 แพทย์ทำการฉีดฟิลเลอร์ โดยใช้เวลาทำหัตถการประมาณ 20 นาที
ขั้นตอนที่ 8 แพทย์จะให้คำแนะนำวิธีการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก
การเตรียมตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก
- งดดื่มแอลกอฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การซาวน่า, การอบไอน้ำ หรือ การออกกำลังกายหนัก (วิ่ง, ต่อยมวย, เต้นแอโรบิค) 24 ชั่วโมงก่อนทำหัตถการ เพราะจะทำให้ร่ายกายมีการสูบฉีดเลือดมากกว่าปกติ ส่งผลให้มีอาการปวด หรือบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ได้
- งดการรับประทานยากลุ่มแอสไพรินและกลุ่มNSAIDs เช่น Ibruprofen, Diclofenac หรือ Ponstan 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เพราะยากลุ่มนี้จะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดไหลหยุดยาก ขณะฉีดฟิลเลอร์
- งดการรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิด เช่น St. Johns Wort, Ginko Biloba, Primrose Oil, Garlic, Vitamin E, น้ำมันปลา หรือ Ginseng 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เพราะวิตามินหรืออาหารเสริมกลุ่มนี้จะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดไหลหยุดยาก ขณะฉีดฟิลเลอร์
- งดทายา ทาครีมชนิดผลัดเซลล์ผิว หรือสครับผิว ในบริเวณที่ทำหัตถการ เช่น Tretinoin (Retin-A), Retinols, Retinoids หรือGlycolic Acid 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เนื่องจากจะเป็นการรบกวนผิวบริเวณมุมปาก ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
- งดการเลเซอร์ในบริเวณที่ทำหัตถการ 3 วันก่อนทำหัตถการ
การดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หลังทำหัตถการ 2 วัน เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดเสียรูปทรงและเกิดอาการแดงบริเวณที่ฉีดได้
- หลีกเลี่ยงการจับ การแกะ การเกา การคลึงหรือการนวดในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 7 วัน เพราะอาจทำให้เกิดการเคลื่อนตำแหน่งของตัวยาได้
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ หลังทำหัตถการ 3 วัน เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดเกิดอาการบวมหรืออักเสบได้
- แนะนำดื่มน้ำเปล่า ภายหลังทำหัตถการใน 24 ชั่วโมงแรก โดยปริมาณที่แนะนำคือ 1.5-2 ลิตร/วัน หรือประมาณ 8-10 แก้ว/วัน เนื่องจากสาร HA มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เมื่อดื่มน้ำ โมเลกุลของน้ำจะไปจับกับโมเลกุลของสาร HA ทำให้ฟิลเลอร์ฟูสวย เป็นธรรมชาติและคงสภาพอยู่ได้นานขึ้น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน เช่น ไดร์เป่าผม เตาปิ้งย่าง เป็นต้น การโดนแสงแดดจัด การสัมผัสน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 2 วัน เพราะอาจทำให้เกิดอาการแดงบริเวณที่ฉีดได้
- หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ การซาวน่า การทำเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึก และการทำ RF หรือ Ionto ในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 14 วัน
- หลีกเลี่ยงการทาแป้ง ทารองพื้น ทาครีมบำรุงในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 12 ชั่วโมง
- หลังฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก ในบางรายอาจมีอาการปวด บวม แดง หรือจับแล้วรู้สึกเจ็บในบริเวณที่ฉีด อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติ โดยจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 2-5 วัน คนไข้สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการทานยาแก้ปวดหรือประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนใหญ่อาการเหล่านี้มักพบในบุคคลที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด, Aspirin, Alcohol, วิตามิน E หรือ อาหารเสริมบางชนิด เช่น Fish Oil หรือ Primrose เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงการรับประทานยา วิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิด ที่กระตุ้นการไหลเวียนเลือด เช่น ยากลุ่มแอสไพริน, Vitamin E, ใบแป๊ะก๊วย และน้ำมันปลา เป็นต้น หลังทำหัตถการ 14 วัน เนื่องจากอาจส่งผลให้เลือดไหลหยุดช้าหรือช้ำง่ายกว่าปกติ
- หลีกเลี่ยงการทาครีมที่มีส่วนผสมของ BHA, AHA (กรดผลไม้) และ Retinoid ในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 14 วัน
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหมักดอง อาหารรสจัด และอาหารดิบ หลังทำหัตถการ 7 วัน เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดเกิดอาการบวม แดงหรืออักเสบได้
ข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก
- หลีกเลี่ยงในหญิงตั้งครรภ์ หรือหญิงที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
- หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีปัญหาเลือดไหลหยุดยาก หรือ บุคคลที่ต้องทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีประวัติแพ้ยาชา
- หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีภาวะอักเสบติดเชื้อผิวหนังบริเวณที่จะทำหัตถการ
สำหรับคนไข้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปากที่ Chinnawee Clinic สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษาแพทย์ ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ชินวีย์ คลินิก ยินดีให้บริการ