ฟิลเลอร์ใต้ตา (Tear Trough Fillers)

คือการฉีดสารเติมเต็ม (Hyaluronic Acid) เข้าไปที่ผิวหนังบริเวณใต้ตา เพื่อเติมเต็มผิวบริเวณใต้ตา ทดแทนคอลลาเจน เพิ่มความชุ่มชื้น และเลียนแบบโครงสร้างกระดูกที่เสื่อมหรือทรุดตัวลง อีกทั้งยังช่วยทดแทนไขมันชั้นลึกและไขมันชั้นตื้นที่หายไป ทำให้ผิวบริเวณใต้ตาเต็มฟูขึ้น อวบอิ่ม เรียบเนียน กระจ่างใส ใต้ตาดูตื้นขึ้น ถุงใต้ตาเล็กลง รอยคล้ำใต้ตาจางลง ริ้วรอยร่องลึกใต้ตาจางลง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ยกกระชับเส้นเอ็นยึดผิว ทำให้ผิวบริเวณใต้ตากระชับขึ้น ชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยอย่างเป็นธรรมชาติ สดใส มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น เสริมโหงวเฮ้ง

 

 

ลักษณะโหงวเฮ้งใต้ตาที่ดี คือ มีความเอิบอิ่ม เปล่งปลั่ง สดใส เรียบเนียน ไม่เป็นร่องลึก ไม่มีริ้วรอย ยิ้มเป็นธรรมชาติ ไม่มีตำหนิ บ่งบอกถึงการมีคู่ครองที่ดี มียศศักดิ์ ร่ำรวย มีเสน่ห์ มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และวาสนาดี

 

ลักษณะโหงวเฮ้งใต้ตาที่ไม่ดี คือ มีลักษณะเป็นแอ่ง ร่องลึก สีดำคล้ำ มีถุงใต้ตาที่เห็นเด่นชัด หางตาชี้ลงและมีริ้วรอย แววตาเศร้าหมอง ดูอิดโรย ไม่สดชื่น บ่งบอกถึงการอาภัพโชค หาคู่ครองยาก อาภัพลูก ลูกหลานดื้อ เลี้ยงยาก

 

 

 

สาเหตุการเกิดใต้ตาคล้ำ ใต้ตาลึก ถุงใต้ตา ริ้วรอยใต้ตา

 

 

  1. เกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น โดยคนส่วนใหญ่ เมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป คอลลาเจนและชั้นไขมัน (Baby Fat) ในตำแหน่งหน้าแก้มและใต้ตาจะสลายไป อีกทั้งอีลาสตินที่อยู่ใต้ชั้นผิวจะเสื่อมประสิทธิภาพ ชั้นผิวบางลง ชั้นกระดูกเบ้าตามีการยุบตัวลง เส้นเอ็นยึดผิวรอบดวงตา (Retaining Ligament) หย่อน ทำให้ผิวหย่อนคล้อย ใต้ตาลึก เป็นร่อง ขอบตาและถุงใต้ตาดำคล้ำ มีริ้วรอยใต้ตา นอกจากนี้ในบางคน ถ้ามีถุงไขมันบริเวณใต้ตาเยอะกว่าส่วนไขมันที่หายไป จะทำให้เกิดถุงใต้ตาขึ้นได้อีกด้วย
  2. เกิดจากปัจจัยกระตุ้นและพฤติกรรมอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดรอยคล้ำใต้ตา เช่น การขยี้ตา, การพักผ่อนไม่เพียงพอ, ความเครียด, การสูบบุหรี่, การถูกรังสียูวีจากแสงแดด, การรับประทานอาหารรสเค็มจัด และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น ส่งผลให้โครงสร้างผิวถูกทำลาย ใต้ตาลึก คล้ำ
  3. เกิดจากพันธุกรรม ในบางเชื้อชาติ โดยเฉพาะเชื้อชาติยุโรป จะมีการเจริญเติบโตของโครงสร้างกระดูกบริเวณเบ้าตาและเส้นเอ็นยึดผิว ที่ทำให้ปรากฏเห็นร่องน้ำตาตั้งแต่อายุยังน้อย และเบ้าตาลึก ส่งผลให้เกิดถุงใต้ตา ใบหน้าโทรม ไม่สดใส ตาโหล ใต้ตาดำคล้ำ
  4. เกิดจากไขมันใต้ตา ทั้งชั้นลึก (Deep Fat) และชั้นตื้น (Superficial Fat) ลดน้อยลง เนื่องจากอายุที่มากขึ้น ส่งผลให้ใต้ตาลึกโหล
  5. เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีบริเวณใต้ตา ทำให้มีเม็ดสีบริเวณนั้นมากเกินไป ทำให้เกิดขอบตาดำคล้ำ
  6. เกิดจากโรคภูมิแพ้ ซึ่งทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดติดขัด เนื่องจากบริเวณตาและจมูกบวม โดยปกติแล้วทิศทางการไหลเวียนของเลือดจะไหลเวียนจากตา ลงมาที่หัวตาและจมูก เมื่อจมูกบวม ก็จะปิดกั้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดคั่งอยู่บริเวณผิวหนังใต้ตา ทำให้เกิดขอบตาดำคล้ำ ใบหน้าโทรม นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มักจะมีอาการ คัน ระคายเคืองที่ตา ทำให้ต้องขยี้ตาเป็นประจำ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตาดำคล้ำ
  7. เกิดจากผิวบริเวณใต้ตาขาดความชุ่มชื้น ทำให้เกิดริ้วรอยบริเวณใต้ตา

 

 

 

สาเหตุการเกิดถุงใต้ตา

 

 

ถุงใต้ตา คือ ถุงไขมันบริเวณใต้ตาล่างที่มีขนาดใหญ่เห็นเด่นชัด

 

ถุงใต้ตา หรือ ไขมันในโพรงตา (Inferior Orbital Fat) เกิดจาก Orbital Septum เกิดการหย่อนตัว จากการมีอายุเพิ่มมากขึ้น (Aging Process) ทำให้ไขมันชั้นตื้น (Superficial Fat) และ ไขมันชั้นลึก (Deep Fat) ลดลง กล้ามเนื้อฝ่อตัวลง (Atrophy) รวมถึงมีการหย่อนคล้อยของ (Orbital Fat) และกระดูกเกิดการทรุดตัว ทำให้เบ้าตาลึกและกว้างขึ้น ส่งผลให้เกิดถุงใต้ตา ใต้ตาดูลึก คล้ำและโหนกแก้มเห็นเด่นชัดขึ้น (Malar Mounds)

 

 

 

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

 

 

–              ทำให้ใบหน้าสวย แลดูอ่อนเยาว์ เป็นธรรมชาติ

–             ทำให้บุคลิกภาพดีขึ้น เสริมสร้างความมั่นใจ

–             ทำให้ลดริ้วรอยและร่องใต้ตา

–             ทำให้สีผิวรอบดวงตาสว่าง กระจ่างใส เปล่งปลั่ง รอยคล้ำใต้ตาดูจางลง

–             ทำให้ถุงใต้ตาลดลง ผิวกระชับ

–             ทำให้ผิวบริเวณใต้ตาเรียบเนียน เต่งตึง

–             ทำให้ใต้ตาดูตื้น สดใสขึ้น

–             ทำให้ใบหน้าดูสดใส สดชื่น มีพลัง

 

 

 

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับ

 

 

  • บุคคลที่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึกบริเวณใต้ตา
  • บุคคลที่มีปัญหาใต้ตาลึก เบ้าตาลึก ตาโหล ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย
  • บุคคลที่มีปัญหาร่องน้ำตา
  • บุคคลที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ ทำให้ใบหน้าดูโทรม เหนื่อย ไม่สดใส
  • บุคคลที่มีปัญหาถุงใต้ตา มีชั้นไขมันใต้ตา
  • บุคคลที่มีปัญหากระดูกใต้ตาและหน้าแก้มยุบตัว เมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ใต้ตาลึกโหล ผิวหย่อนคล้อย
  • บุคคลที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำจากพันธุกรรมหรือจากโรคภูมิแพ้

 

 

 

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ชินวีย์ คลินิก

 

 

 

 

เนื่องจากบริเวณใต้ตาจะมีเส้นเลือดที่สำคัญเป็นจำนวนมาก การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจึงต้องใช้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ โดยแพทย์ผู้ทำหัตถการ ที่ชินวีย์ คลินิก มีประสบการณ์ในด้านการฉีดฟิลเลอร์ มีความชำนาญเรื่องเส้นเลือดและกายวิภาค (Anatomy) บริเวณใบหน้าเป็นอย่างดี สามารถวิเคราะห์ใบหน้า สาเหตุของปัญหาและอธิบายข้อมูลให้กับคนไข้ได้อย่างละเอียด แก้ไขได้ตรงจุด ฉีดในตำแหน่งชั้นผิวและเทคนิคที่ถูกต้อง นอกจากนี้แพทย์ที่ชินวีย์ คลินิก ยังได้รับการเทรนนิ่งและอัพเดทความรู้เพิ่มเติมทั้งในและต่างประเทศเป็นประจำทุกปี เพื่อให้มั่นใจได้ว่าคนไข้ทุกเคสจะได้รับผลการรักษาที่ดีที่สุด

 

เพราะใต้ตาเป็นตำแหน่งที่ผิวค่อนข้างบาง แพทย์จึงมีเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาที่เฉพาะ โดยเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะมีฉีดทั้งในบริเวณชั้นลึกและชั้นตื้น เพื่อช่วยพยุงผิว พยุงกระดูกบริเวณใต้ตาหรือหน้าแก้ม ทดแทนไขมันชั้นลึก และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ สำหรับคนไข้ที่มีปัญหาถุงใต้ตา แพทย์จะใช้เทคนิคฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มและดันให้ Orbital Septum เข้าไปด้านใน ซึ่งจะทำให้ถุงใต้ตาลดลง เบ้าตาดูตื้นขึ้น นอกจากนี้แพทย์จะใช้เข็มปลายทู่ (Blunt Cannula) ในการฉีดเพื่อป้องกันฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด และใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน สวยงามเป็นธรรมชาติ เรียบเนียน ไม่เป็นก้อน (Tyndall Effect) รอยเหี่ยวย่นบริเวณใต้ตาลดลง ใต้ตาดูอวบอิ่ม สดใส ใบหน้าอ่อนเยาว์

 

อีกทั้งคลินิกที่ทำหัตถการยังได้มาตรฐาน สะอาด ได้รับอนุญาต มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณะสุข มีความน่าเชื่อถือ นัดติดตามผลหลังทำทุกเคส ฟิลเลอร์ที่ใช้ทำหัตถการเป็นฟิลเลอร์แท้ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ผ่านการรับรองคุณภาพและมาตรฐานจาก อย.ประเทศไทย มีความคงตัว มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เติมเต็มช่องว่างระหว่างเซลล์ผิวหนัง เพิ่มและปรับขนาดโครงสร้างใต้ชั้นผิวหนัง ปลอดภัย 100% สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง ไม่เป็นอันตราย

 

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่บวม ไม่ช้ำ ไม่เกิดรอยแผลเป็น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เห็นผลการเปลี่ยนแปลงหลังฉีดทันที หลังฉีดผลลัพธ์อยู่ได้ 6 – 18 เดือน (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้ การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์)

 

 

 

 

 

ยี่ห้อ ราคา และปริมาณฟิลเลอร์ ที่เหมาะสมสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

 

 

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะต้องใช้ฟิลเลอร์ที่มีปริมาณ Hyaluronic Acid (HA) ที่เหมาะสม ไม่เยอะจนเกินไป เพราะจะทำให้ใต้ตาดูบวมหรือเป็นก้อนหลังฉีดได้ มีความคงตัวสูง มีความหนืด (Cohesivity) และความยืดหยุ่น (Elasticity) ที่เหมาะสม ยกกระชับได้ดี เนื้อเนียนละเอียด เพื่อให้ฟิลเลอร์คงรูปได้ดีและเรียบเนียนไปกับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ (Tissue Integration) โดยทั่วไปจะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-3 cc ขึ้นอยู่กับชั้นผิวและปัญหาใต้ตาของคนไข้แต่ละบุคคล เช่น ความลึก ริ้วรอย การทรุดตัวของกระดูกบริเวณหน้าแก้มและเบ้าตา หรือความคล้ำบริเวณใต้ตา เป็นต้น

 

นิยมใช้ ฟิลเลอร์

 

แบรนด์ Juvederm รุ่น Volift, Volite, Vobella, Ultra

ราคา 12,900 บาท / 1 CC

 

แบรนด์ Restylane รุ่น Vital Light, Vital, Refyne, Lidocaine, Perlane Lyft, Defyne, Classic

ราคา 11,900 บาท / 1 CC

 

แบรนด์ Neuramis Deep

ราคา 6,900 บาท / 1 CC

 

 

 

 

 

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

 

 

ขั้นตอนที่ 1 แพทย์จะทำการประเมินปัญหาบริเวณใต้ตา วิเคราะห์สภาพผิว สอบถามประวัติคนไข้เพิ่มเติม เช่น ประวัติการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ประวัติการทำศัลยกรรมตา โรคประจำตัว ยาที่ใช้ประจำ และการแพ้ยา เป็นต้น หลังจากนั้นแพทย์จะทำการออกแบบและวางแผนเทคนิคการฉีด แนะนำยี่ห้อ รุ่นและปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับบริเวณที่ทำการรักษา

 

ขั้นตอนที่ 2 เจ้าหน้าที่จะทำการถ่ายภาพบริเวณที่จะทำการรักษา เพื่อวัดผลการเปลี่ยนแปลงก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์

 

ขั้นตอนที่ 3 แพทย์จะทำการตรวจสอบฟิลเลอร์ เพื่อให้คนไข้มั่นใจว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้ โดยแสดงหลักฐานให้กับคนไข้ ดังนี้

 

– เลขทะเบียนอย.

– ป้ายภาษาไทยที่ข้างกล่อง

– เอกสารกำกับภาษาไทยที่อยู่ภายในกล่อง

– เลข Lot ของฟิลเลอร์

โดยเลข Lot ต้องตรงกัน 4 จุดสำหรับแบรนด์ Juvederm คือ เลข Lot ที่กล่อง, เลข Lot ที่ซอง, เลข Lot ที่สติกเกอร์ และ เลข Lot ที่หลอด

โดยเลข Lot ต้องตรงกัน 2 จุดสำหรับแบรนด์ Restylane คือ เลข lot. ที่ข้างกล่อง และเลข lot. ที่หลอด

– แสดงเบอร์บริษัทยาเพื่อให้คนไข้สามารถโทรเช็คเกี่ยวกับการซื้อยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคลินิก

สำหรับแบรนด์ Juvederm คือ Allergan Thailand (DKSH) โทร. 02-6404999 ต่อ 1

สำหรับแบรนด์ Restylane คือ Galderma โทร. 02-0231800 ต่อ 402

 

ขั้นตอนที่ 4 เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดบริเวณที่ทำหัตถการด้วย Micellar Cleaning Water และ น้ำยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

 

ขั้นตอนที่ 5 แพทย์จะทำการฉีดยาชา เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นขณะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

 

ขั้นตอนที่ 6 แพทย์ทำการฉีดฟิลเลอร์ โดยใช้เวลาทำหัตถการประมาณ 60 นาที ในระหว่างทำหัตถการ แพทย์จะปรับเตียงคนไข้ให้ได้ระดับ 45 องศา เพื่อให้ระดับศีรษะอยู่สูงกว่าระดับหัวใจ ป้องกันเลือดออกมากขณะทำหัตถการ

 

ขั้นตอนที่ 7 แพทย์จะให้คำแนะนำวิธีการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

 

 

 

การเตรียมตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

 

 

  1. งดดื่มแอลกอฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การซาวน่า, การอบไอน้ำ หรือ การออกกำลังกายหนัก (วิ่ง, ต่อยมวย, เต้นแอโรบิค) 24 ชั่วโมงก่อนทำหัตถการ เพราะจะทำให้ร่ายกายมีการสูบฉีดเลือดมากกว่าปกติ ส่งผลให้มีอาการปวด หรือบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ได้
  2. งดการรับประทานยากลุ่มแอสไพรินและกลุ่มNSAIDs เช่น Ibruprofen, Diclofenac หรือ Ponstan 2 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เพราะยากลุ่มนี้จะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดไหลหยุดยาก ขณะฉีดฟิลเลอร์
  3. งดการรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิด เช่น St. Johns Wort, Ginko Biloba, Primrose Oil, Garlic, Vitamin E, น้ำมันปลา หรือ Ginseng 2 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เพราะวิตามินหรืออาหารเสริมกลุ่มนี้จะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดไหลหยุดยาก ขณะฉีดฟิลเลอร์
  4. งดทายา ทาครีมชนิดผลัดเซลล์ผิว หรือสครับผิว ในบริเวณที่ทำหัตถการ เช่น Tretinoin (Retin-A), Retinols, Retinoids หรือGlycolic Acid 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เนื่องจากจะเป็นการรบกวนผิวบริเวณที่ทำหัตถการ ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
  5. งดการเลเซอร์ในบริเวณที่ทำหัตถการ 3 วันก่อนทำหัตถการ

 

 

 

การดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

 

 

  1. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หลังทำหัตถการ 2 วัน เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดเสียรูปทรงและเกิดอาการแดงบริเวณที่ฉีดได้
  2. หลีกเลี่ยงการจับ การแกะ การเกา การคลึงหรือการกดนวดในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 7 วัน เพราะอาจทำให้เกิดการเคลื่อนตำแหน่งของตัวยาได้
  3. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ หลังทำหัตถการ 2 วัน เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดเกิดอาการบวม อักเสบ และทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็วกว่าระยะเวลาที่ควรจะเป็นตามปกติ
  4. แนะนำดื่มน้ำเปล่า ภายหลังทำหัตถการใน 24 ชั่วโมงแรก โดยปริมาณที่แนะนำคือ 1.5-2 ลิตร/วัน หรือประมาณ 8-10 แก้ว/วัน เนื่องจากสาร HA มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เมื่อดื่มน้ำ โมเลกุลของน้ำจะไปจับกับโมเลกุลของสาร HA ทำให้ฟิลเลอร์ฟูสวย ผิวชุ่มชื้น เป็นธรรมชาติและคงสภาพอยู่ได้นานขึ้น
  5. หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน เช่น ไดร์เป่าผม เตาปิ้งย่าง เป็นต้น การโดนแสงแดดจัด การสัมผัสน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 2 วัน เพราะอาจทำให้เกิดอาการแดง อักเสบ บริเวณที่ฉีดได้และทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็วกว่าระยะเวลาที่ควรจะเป็นตามปกติ
  6. หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ การซาวน่า การทำเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึก และการทำ RF หรือ Ionto ในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 14 วัน
  7. หลีกเลี่ยงการทาแป้ง ทารองพื้น แต่งหน้า หรือทาครีมบำรุงในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 12 ชั่วโมง
  8. หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ในบางรายอาจมีอาการปวด บวม แดง หรือจับแล้วรู้สึกเจ็บในบริเวณที่ฉีด อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติ โดยจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 3-7 วัน คนไข้สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการทานยาแก้ปวดหรือประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนใหญ่อาการเหล่านี้มักพบในบุคคลที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด, Aspirin, Alcohol, วิตามิน E หรือ อาหารเสริมบางชนิด เช่น Fish Oil หรือ Primrose เป็นต้น
  9. หลีกเลี่ยงการรับประทานยา วิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิด ที่กระตุ้นการไหลเวียนเลือด เช่น ยากลุ่มแอสไพริน, Vitamin E, ใบแป๊ะก๊วย และน้ำมันปลา เป็นต้น หลังทำหัตถการ 14 วัน เนื่องจากอาจส่งผลให้เลือดไหลหยุดช้าหรือช้ำง่ายกว่าปกติ
  10. หลีกเลี่ยงการทาครีมที่มีส่วนผสมของ BHA, AHA (กรดผลไม้) และ Retinoid ในบริเวณที่ฉีด หลังทำหัตถการ 14 วัน
  11. 11. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหมักดอง อาหารรสจัด และอาหารดิบ หลังทำหัตถการ 7 วัน เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดเกิดอาการบวม แดงหรืออักเสบได้
  12. หลีกเลี่ยงการนอนราบ หลังทำหัตถการ 12 ชั่วโมง

 

 

 

ข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

 

 

  1. หลีกเลี่ยงในหญิงตั้งครรภ์ หรือหญิงที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
  2. หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีปัญหาเลือดไหลหยุดยาก หรือ บุคคลที่ต้องทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดเป็นประจำ
  3. หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีประวัติแพ้ยาชา
  4. หลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีภาวะอักเสบติดเชื้อผิวหนังบริเวณที่จะทำหัตถการ

 

 

 

สำหรับคนไข้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ Chinnawee Clinic สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษาแพทย์ ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

 

ชินวีย์ คลินิก ยินดีให้บริการ

 

 

 

 

 

Share:

More Posts